* คลายความสงสัย *
หลังจากโดนกล่าวหามาพอสมควร
จึงสมควรแก่การคลายความสงสัยซะที
คลายความสงสัย
1.โจโฉ คือใคร -(โจโฉ=ชื่อเล่น) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี อดีตศิลปินเดี่ยวสังกัดค่ายเพลงของโอ๋ ลำดวน มีเพลงติดอันดับคือ รอเธอเหงา และผู้หญิงกลางคืน (แต่งเอง ร้องเอง อัดดนตรีเองทั้งหมด) search หาได้ในอินเตอร์เน็ต กระจายติดอันดับคลื่นดังๆ ตลอด 4 ปีและมีในแผ่นผี(MP3)ตลอด 4 ปีเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ประมาณ 47-51 โดยที่ค่ายปิดปรับปรุงถาวรไปก่อน จึงยังไม่ได้เปิดตัวศิลปินอย่างจริงจัง แม้เพลงจะไปติดอันดับ 3 ของคลื่นอันดับหนึ่งของค่ายดัง ซึ่งมีเรทติ้งสูงสุดเวลานั้น FM max (ตอนนั้นยังเป็น 88.5) แล้วก็ตาม (ปี 49) แต่ก็ยังคงดังแบบเงียบๆ มาช้านาน 555 : และยังติดท๊อปดาว์นโหลดลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหลายเดือน
ปัจจุบันที่มาทำแบบนี้ไม่ได้ตกอับ แต่ตั้งใจสละชีวิตเพื่อพระศาสนาโดยตรง ทั้งๆที่เติบโตมาในท่ามกลางโคตรเหง้าที่เป็นคริสต์ทั้งตระกูล เปิดเวปไซด์ให้ดาวน์โหลดธรรมะและผลิตสื่อเสียงอ่านและเพลงธรรมะ แจกซีดีฟรีทางไปรษณีย์และเดินทางแจกทั่วประเทศ
2. ทำไมมาทำงานเผยแพร่ธรรมะ - อยากมีมูลนิธิตั้งแต่ไม่กี่ขวบ พอโตมารู้สึกตัวเองทำไรได้ก็ทำ และจะทำเฉพาะสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เวปไซด์และเสียงอ่านเกิดเพราะอยากช่วยให้คนเข้าถึงธรรมะได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น พยายามนำความรู้ที่มีให้เกิดประโยชน์ก็แค่นั้น คือไม่รู้ทำไม รู้แต่ว่าอยากทำเพื่อคนอื่น เข้าใจป่าวววว หืมมม
3.จริงหรือที่เขาว่ากันว่า มันแอบแฝงผลประโยชน์ ได้เปอร์เซ็นต์ ได้ชื่อเสียง โปรโมทตัวเอง อยากดัง และสารพัดจะกล่าวหา.- ฟังมาก็ได้แต่อึ้งว่า.คนรั่วนี่มันก็คิดได้แต่เรื่องรั่วๆ จริงๆ นะ ไม่ดูหรอกว่า งานที่เขาทำมันมีประโยชน์กับส่วนรวมแค่ไหน เอาแต่จับผิดว่าเขาจะได้อะไร เขาหาอะไรใส่ตัว พูดตรงๆ นะ งานธรรมะมันไม่ได้ไปส่งเสริมชื่อเสียงนักร้องทางโลกหรอก ธรรมะที่เผยแพร่ไปเป็นคนละกลุ่มกับที่ชอบเพลงของผม คือมันไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรเลย แล้วตลอดเวลาหลายปีที่ทำมา ก็เห็นแล้วว่า ไม่ได้เพิ่มแฟนเพลงหรือทำให้ค่ายเพลงอื่นๆมาสนใจ คนที่รู้จักผมเพิ่มขึ้นก็มีแต่คนในแวดวงธรรมะ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นใคร อะไร ยังไง ฯลฯ
ส่วนเรื่องค่าตอบแทนและเงินบริจาคนะเหรอ ตอนนี้มันแค่พอทำให้ทำงานรอดไปวันๆ แค่นั้นแหละ หาความมั่นคงไม่ได้เลย เรื่องจริงคือผมไม่ได้หมดทางทำมาหากิน ผมมีงานที่ดีค่าตอบแทนงาม สวัสดิการพร้อม แต่ผมปฏิเสธแล้วเลือกมาตรงนี้ ทั้งที่ไม่รู้จะใช้จ่ายยังไงเลยด้วยซ้ำ บ้านก็ไม่ได้รวย ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอะไรไว้กินตอนแก่หรือเปล่า รู้แต่ว่ามีชีวิตอยู่ก็อยากทำประโยชน์ให้ส่วนรวมให้ได้มากที่สุด แล้วเราก็ดันทำได้และไม่เหมือนคนอื่น ก็เลยยอมสละความสุขส่วนตัว ถามจริงๆ ถ้าคุณมีงานทำดีๆ สบายๆ คุณกล้าสละมาทำงานที่รายได้ไม่แน่นอน ต้องทำเหมือนเปรต..รอคอยส่วนบุญแบบนี้หรือไม่ ไปทำงานหาเงินเอง มันใช้เงินสบายใจกว่าหรือเปล่า แล้วรู้หรือเปล่าว่าผมทำงานหนักแค่ไหน ต่อให้ได้ผลประโยชน์อะไร คิดเหรอว่า มันคุ้มกับที่ผมเหนื่อย บางทีทำงานวันละ 20 กว่าชั่วโมง ไม่ได้หลับได้นอน กว่าจะแปลงไฟล์ อัพโหลด ทำเวปไซด์ กว่าจะอัดเสียงมิกส์เสียงได้แต่ละไฟล์ เสียงอ่านไม่กี่นาทีบางครั้งกว่าจะออกมาสมบูรณ์ใช้เวลาทั้งวันหรือมากกว่านั้น ไฟล์ทั้งแผ่นที่ทำ หมดเวลา หมดแรงไปเท่าไหร่ แล้วอุปกรณ์ที่ผมทำสมัยก่อนก็เน่ามากๆ ต้องเสียเวลามากกว่าคนอื่นหลายเท่า ไปแจกซีดีแต่ละครั้ง แบกขึ้นรถเมล์หรือรถทัวร์ไปอย่างเหนื่อยคนเดียว ไปยืนแจก อธิบายเสียงแหบเสียงแห้ง ท่ามกลางคนร้อยพ่อพันแม่ ถ้าใครเคยไปแจกของที่ทำมาอย่างเหนื่อยให้ฟรีๆ ตัวเองก็ไม่ได้อะไรแต่โดนมองแปลกๆ จะรู้ว่ามันโหดแค่ไหน
ทำงานทั้งหมดคนเดียวมาตลอดหลายปี จะมีคนช่วยก็ไม่กี่ครั้ง ตอนหลังๆ ที่มาแพ๊คซีดีและมาช่วยถ่ายรูปแค่นั้น นอกนั้นสากกะเบือยันเรือรบ ซึ่งก็มีเริ่มมีคนสนับสนุนปัจจัยมาตามโอกาส ก็พัฒนาจนทำอะไรได้มากขึ้น ได้อุปกรณ์ดีๆ มาใช้ แต่ก็มีไม่กี่คนที่รู้ว่าผมไม่มีรายได้ทางอื่นแล้ว เพราะสละทุกอย่างมาทำตรงนี้เต็มตัวแล้ว ในขณะที่รายจ่ายและค่าครองชีพมันก็สูงขึ้นทุกวัน แต่แรงสนับสนุนยังคงประปราย ซึ่งบางทีก็ขำๆ ว่า คนทำดีคนหนึ่ง มีผลงานให้เห็นชัดๆ แต่แรงสนับสนุนยังสู้เด็กพิการ สู้เด็กตามหาพ่อไม่ได้เลย ดูทีวีแล้วก็ขำๆ ว่า กำพร้าพ่อก็ดีนะ เด็กพิการเป็นโรคไม่ได้ทำประโยชน์ให้ใครยังมีคนสงสารบริจาคอื้อเลย 555 ( แหมไอ้นี่…ออกแนวอิจฉาแฮะ เอิ๊กๆ )
4.ทำไมไม่ไปทำงานแล้วเอาเวลาว่างมาทำหล่ะ - ลองดูงานที่ผมทำซิครับ มันจะเหลือเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกหรือ ถึงไปทำได้ เวลามันก็จะชนกันในหลายๆ อย่าง สรุปคือ งานมันเยอะจนตายแล้วยังไม่รู้จะทำหมดหรือเปล่าเลย นี่ยังมีโครงการอีกเพรียบที่วางไว้ (ถ้ามีงานประจำ เวลาเดินทางบรรยาย แจกซีดี หรือทำกิจกรรมอะไร จะไปไม่ได้เลย เพราะจะชนกับเวลางาน แล้วสมองก็ต้องไปมุ่งกับงานประจำ จะไม่มีเวลามาสร้างสรรคิดทำอะไรอื่นๆ ได้ ฯลฯ)
5.ทำไมแต่งตัว พูดจา บุคลิกไม่เห็นเหมือนคนธรรมะ –จำเป็นด้วยเหรอว่าคนดีมีธรรมะต้องพูดจาเรียบร้อย ทำตัวนิ่งๆ เปรี้ยวไส้แตกและทันสมัยไม่ได้ รูปแบบภายนอกมันคือจริตวาสนา ความเคยชิน ธรรมะมีหลายระดับ อย่าสุดโต่ง จริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่คนดี แค่พยายามทำดี และก็พยายามจะขัดเกลาตัวเองอยู่ แต่สันดานเดิมเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา แล้วมีความสามารถพิเศษ คือ สามารถพูดให้คนเข้าใจผิด และโกรธได้เสมอ ทั้งที่เจตนาดี 555
6.สรุปนะ – สิ่งที่ผมทำล้วนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และมีผลงานให้เห็นมาหลายปี ไม่ได้สร้างภาพ ข้อความทั้งหมดไม่ได้มาแก้ตัว แต่ก็อยากเล่าอะไรให้ฟังบ้าง เพื่อคลายความสงสัย ถึงแม้จะเชื่อว่า คนชั่วยังไงมันก็ไม่มีทางเห็นความดีของคนอื่นได้หรอก ไม่ว่าใครจะมองผมยังไง แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ผมเชื่อว่าผมมีความสามารถทำอะไร(ฟรี)ให้กับส่วนรวมได้อีกเยอะ ก็คอยดูกันไปหล่ะ
สุดท้าย – กราบขอบพระคุณทุกแรงสนับสนุน ที่ทำให้ผมเดินมาถึงวันนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ขอซีดีกันเข้ามา เพราะมันทำให้ผมได้รู้สึกว่า …งานของผมและชีวิตที่เหลือยังพอจะมีคุณค่าสำหรับคนอีกหลายคนในโลกใบนี้เหมือนกัน ขอบพระคุณครับ [ จุ๊บๆ….. 555 ]
หมายเหตุ : หลังจากเรียนมาหลายศาสตร์ ที่สุดจึงวิจัยสินค้าสำหรับดูแลผิว เพื่อช่วยญาติธรรมที่มีปัญหากันเยอะ ให้ได้ใช้ของดี ราคาถูก ปลอดภัยในมาตรฐานสูงกว่าสินค้าทั่วไปหลายเท่า ไม่ตั้งใจทำเป็นการค้า แต่ต้องการช่วยคนเป็นหลัก เพราะมองไม่เห็นว่าจะหาสินค้าแนวนี้ได้ที่ไหน โดยส่วนหนึ่งเริ่มจากการอยากทำครีมอาบน้ำที่ดีไม่ทำร้ายผิว เพื่อถวายพระ และพัฒนาเป็นสินค้าอื่นๆ ตามปัญหาผิวที่พบกับคนทั่วไป ซึ่งได้ผลดีกับคนจำนวนมาก จนมั่นใจและรู้สึกไม่เสียเวลาที่ทุ่มเทสร้างผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา รายได้ที่เกิดจากการจำหน่ายสินค้า ก็เพียงเพื่อมีปัจจัยในการทำงานเผยแผ่ธรรม และทำบุญหลายอย่าง ถือเป็นการลงตัวที่ทำให้มีชีวิตทำงานเพื่อพระศาสนาได้อย่างมั่นคงขึ้น เพราะสละอาชีพหลายอย่างมาทำงานฟรี พ่อแม่เป็นคริสต์ ไม่มีต้นทุนอะไร ถ้าไม่มีเงินทุนส่วนตัวก็คงทำงานได้ไม่ยั่งยืน และอาจต้องเลิกทำในที่สุด
.
แต่หลายคนก็ยังไม่เข้าใจ มองในแง่ลบว่า เผยแผ่ธรรม มาทำสินค้าเพิ่มกิเลสทำไม คือต้องเข้าใจว่า หากเรายังอยู่ในสังคม การดูแลผิวไม่ให้มีปัญหา มันจำเป็นต่ออาชีพ และการอยู่ในสังคม และอาการผิวแพ้ง่าย อักเสบ แห้ง คัน มัน สิว ฯลฯ ล้วนเป็นเวทนาทางผิวที่ควรเลี่ยงและแก้ไข ดูแล ไม่ใช่การเพิ่มกิเลสแต่อย่างใด กรณีคลีนเซอร์ทีจัดถวายพระประจำ ก็เพราะสินค้าทั่วไปอุดมด้วยเคมีทำร้ายผิวและน้ำหอมที่ผิดวินัย ซึ่งเราจะทนเห็นพระท่านผิวอักเสบ และทำร้ายท่านทางอ้อมด้วยสินค้าชำระล้างที่มีสารตัวเดียวกับน้ำยาล้างจานไปอีกนานแค่ไหน ฝากให้คิดดูนะครับ สงสัยอย่าพึ่งรีบด่า ให้ตรวจสอบ และอ่านข้อมูลให้ดีก่อน จะได้ไม่เป็นเวรกรรมต่อกัน เกี่ยวกับสินค้า ดูได้ที่นี่นะครับ www.jzserum.com (คลิ๊ก)
.
( ผลงานของโจโฉทั้งหมด เผยแพร่ต่อได้ ไม่ต้องขออนุญาต )
แต่ต้องเพื่อธรรมทานแจกฟรีเท่านั้นนะครับ