โลกหลังความตายแบบมีเหตุผล จากผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎก
"แว่วเสียงสวรรค์ เล่ม 1-2 อ.พร รัตนสุวรรณ"
(เกี่ยวกับ อ.พร ฟังได้จากแว่วเสียงสวรรค์ เล่ม 3-4)
(ฟังแว่วเสียงสวรรค์เล่ม 2 คลิ๊กที่นี่)
(รูปผู้ฟังส่งมาให้เห็นหลังงานศพ กระดูกคุณแม่เป็นคล้ายหยก)
.
.
เรื่องลึกลับที่ส่งผลให้เข้าใจธรรมะระดับแก่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
" ไม่มีใครเกิดมาไม่ตาย เรียนรู้ก่อนจะสาย เตรียมตัวเพื่อความสุขทั้งวันนี้และชาติหน้า "
โดย อ.พร รัตนสุวรรณ นรก สวรรค์ ผี เทวดา ถ้าอธิบายแบบถูกทาง
ก็ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุด * แนะนำ
ดาว์นโหลดแบบแยกไฟล์ตามหัวข้อ
|
คลิ๊กขวาที่ชื่อเรื่อง บันทึก/save
|
|
|
|
โหลดเล่ม 3-4 ที่นี่(คลิ๊ก)
(คลิ๊กเพื่อเข้าสู่สารบัญ เลือกดาวน์โหลดหัวข้อ/แนวทางอื่นๆ ตามต้องการ)
หมายเหตุ : ต้องการดาวน์โหลด ให้คลิ๊กขวาที่เลขขนาดไฟล์ เลือกบันทึก หรือ Save หากโหลดไม่ได้ กรุณามาโหลดใหม่วันหลัง อาจเกิดจากอินเตอร์เน็ตติดขัด หรือมีผู้ใช้เยอะ โหลดไปแล้วใช้ไม่ได้ อาจเกิดจากการโหลดไปไม่สมบูรณ์ ต้องโหลดใหม่ ในเวลาที่อินเตอร์เน็ตคล่องตัว การโหลดไฟล์รวมมักมีปัญหา หากมีการสะดุด ทั้งจากการใช้แบบไร้สาย หรือไฟกระชาก สัญญาณกระตุก หรือขาดหายแม้เพียงเสี้ยววินาที ปกติจะขึ้นว่าโหลดเสร็จแต่มักจะแตกไฟล์ไม่ได้ครับ ไฟล์ยุคหลังๆ จะมีการใส่ Recovery 5% ไว้เพื่อซ่อมแซมไฟล์หากโหลดไปแล้วมีปัญหา สามารถใช้โปรแกรม Winrar เพื่อแก้ไขได้ ใครที่ไม่สะดวกโหลดเองอาจไปจ้างร้านเน็ตให้เขาโหลดและไรท์ลงแผ่นให้ก็ได้ครับ
ไฟล์ทั้งหมดเผยแพร่ ไรท์แจกจ่ายต่อได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต
"แต่ต้องเพื่อประโยชน์ให้สาธารณะชน และเพื่อธรรมทานแจกฟรีเท่านั้น "
|
ประวัติย่อ อ.พร รัตนสุวรรณ
ถือเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาท่านหนึ่งของไทย ที่เชี่ยวชาญทฤษฎีและปฏิบัติ รอบรู้ในการการทำสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน แตกฉานพระไตรปิฎก-ปรัชญาและศาสตร์หลายแขนง ทำประโยชน์ให้ประเทศและพระศาสนาอย่างกว้างขวาง เป็นผู้แจกแจงธรรมได้ลึกซึ้ง มีผลงานทางตำรา และก่อตั้งหน่วยงานเผยแพร่ศาสนาไว้หลายแห่ง เช่น ธรรมวิจัย ร.ร.พุทธศาสนาวันอาทิตย์ ศูนย์ปฏิบัติธรรมแคมป์สน สำนักค้นคว้าทางวิญญาณ ฯ
อ.พร รัตนสุวรรณ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2461 เข้ากรุงเทพฯ มาอยู่วัดมหาธาตุยุวราช-รังสฤษฎิ์ตั้งแต่อายุ 13 ได้ศึกษาบาลีไวยากรณ์และแปลธรรมบทจนอายุ 17 จึงได้บวชเป็นสามเณร และเพียงพรรษาเดียวก็สอบได้เปรียญ 3 ประโยค และสอบได้จนถึงประโยค 6 ในขณะที่ยังเป็นสามเณรนั่นเอง เมื่ออายุ 20 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และรับหน้าที่เป็นครูสอนบาลีที่วัดมหาธาตุอยู่ 2 ปี
ท่านเป็นพระที่ชอบศึกษาค้นคว้าโดยเฉพาะพระไตรปิฎก ต่อมาได้ขอลาไปปฏิบัติธรรมที่เพชรบุรี และย้ายไปอยู่กับท่านพุทธทาสระยะหนึ่ง ก่อนจะย้ายไป จำพรรษาอยู่ที่บ้านเกิดคืออุตรดิตต์ 2 ปี และย้ายต่อไปที่เชียงใหม่ ซึ่งที่นี่เองท่านได้ตั้งใจศึกษาพระไตรปิฎก-อรรถกถาอย่างเดียวถึง 4 ปีเต็ม โดยไม่รับกิจนิมนต์ใดๆ เลย พ.ศ.2491 เปิดโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ขึ้นเป็นครั้งแรกที่เชียงใหม่ ออกเทศน์อบรมธรรมะให้แก่นักเรียนและประชาชนทั่วไป ต่อมาถูกนิมนต์มาอยู่ที่วัดอุโมงค์ และได้ตั้งพุทธนิคมเชียงใหม่ สวนพุทธธรรม ฯลฯ
เมื่อย่างอายุ 30 ในปี 2492 ได้ร่วมกับหลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ เทศน์อบรมนักเรียนและประชาชนในเทศบาลเชียงใหม่จนได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นแนวหลักธรรมเน้นเหตุผลไม่งมงายเข้าใจง่าย จึงทำให้เกิดการก่อสร้างพุทธสถาน-เชียงใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกในคราวนั้นเอง ต่อมาเมื่ออายุ 34 ท่านอาจารย์พรได้ป่วยเป็นวัณโรคจึงจำเป็นต้องลาสิกขา แล้วออกไปพักรักษาตัวพร้อมปฏิบัติธรรมไปด้วยที่ภูเขาห้วยฝ้าย เมื่อหายจากโรคท่านจึงเริ่มออกสอนพระพุทธศาสนาให้กับโรงเรียนและวิทยาลัย ต่างๆ โดยสอนให้ฟรีทุกอย่าง รวมเวลาตั้งแต่มาบำเพ็ญภาวนา และเผยแพร่ที่ภาคเหนือนานถึง 11 ปี จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในเมืองเชียงใหม่สมัยนั้นเป็นอย่างดี
ต่อมา พ.ศ.2498 ทางมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เชิญตัวมาเป็นอาจารย์บรรยายในคณะพุทธศาสตร์ และยังออกไปสอนตามโรงเรียนต่างๆ อีกประมาณ 10 แห่ง ต่อมาได้เปิดโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในนามของมหาวิทยาลัยเป็นแห่งแรกใน กรุงเทพฯ เป็นผู้ก่อตั้งธรรมวิจัย ซึ่งอยู่ในวัดมหาธาตุ สำหรับปรับปรุงวิจัยการบรรยายธรรมและการปฏิบัติให้เหมาะสมแก่นักเรียนเยาวชน และประชาชนทั่วไป
การสอนของอาจารย์พรนั้น เข้าใจง่ายและลึกซึ้ง ไม่น่าเบื่อ จึงได้รับความนิยมในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ถึงกับผู้ฟังล้นห้องออกมาเลยทีเดียว นอกจากนี้ท่านยังบรรยายธรรมซึ่งออกอากาศทางช่อง 7(สมัยขาวดำ) ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 10 ปี
ต่อมาได้ก่อตั้งสำนักพิมพ์และสำนักค้นคว้าทางวิญญาณขึ้น ท่านค้นพบว่า การจะสอนศีลธรรมอย่างได้ผล ควรให้เข้าใจหลักปฏิจสมุปบาทก่อนจึงจะค่อยให้ความรู้ด้านอื่นๆ ต่อไป ซึ่งได้เขียนตำราไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งแนวทฤษฎีตามหลักพระไตรปิฎก เช่น พระอภิธรรม รวมถึงแบบเข้าใจง่าย ภาษาง่าย ๆ โดยเรียนรู้ธรรมะผ่านโลกของโอปปาติกะ หรือ โลกหลังความตาย ซึ่งเป็นการเขียนด้วยการอิงหลักตามพระไตรปิฎกที่ท่านเชียวชาญอย่างมาก ไม่ได้กล่าวลอยๆ ขาดเหตุผลแบบงมงาย การอธิบาย ยังประกอบไปด้วยงานวิจัยของต่างชาติ และบทความแปลจากทั่วโลก เพื่อแสดงเหตุผลประกอบให้คนรุ่นใหม่เข้าใจได้ว่า โลกหน้ามีจริง นรกสวรรค์มีจริง และน้อมนำมาสู่การเข้าใจธรรมะขั้นสูงได้อย่างไร (ซึ่งมีตำราและการสอนหลายวิธี สำหรับบุคคลที่จริต ปัญญาแตกต่างกัน)
ในปีพ.ศ.2518 ได้ก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมแคมป์สนขึ้นเพื่อให้เป็นที่ศึกษาค้นคว้าวิจัยและ ฝึกอบรมด้านวิปัสสนากรรมฐาน และต่อมาได้มอบให้เป็นสมบัติของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) อาจารย์พร เป็นผู้ดำเนินการตรวจชำระคัมภีร์อรรถกถา-ฎีกา ซึ่งเป็นหนังสืออธิบายพระไตรปิฎก และได้ส่งมอบให้กับ มจร. ซึ่งตรวจชำระและจัดพิมพิ์ได้เสร็จแล้วถึง 47 คัมภีร์ เป็นการมอบองค์ความรู้เพื่อความเข้าใจในพระธรรมอย่างละเอียดและถูกต้อง เปรียบดังได้มอบสมบัติอันล้ำค่าไว้ให้กับพระเณรและพุทธศาสนิกชนไทยเลยที เดียว
[พระไตรปิฎกภาษาเดิมลึกซึ้งมาก ต้องผู้ที่แตกฉานเท่านั้นถึงจะตีความได้รอบคอบและถูกต้อง คนธรรมดาแค่อ่านตามตัวหนังสือก็จะเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ง่าย และปัจจุบันก็มีคนเข้าใจผิดเยอะมาก ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องได้รับคำอธิบายจาก ผู้ที่ศึกษาปฏิบัติมาอย่างช่ำชองอีกที]
อาจารย์พรจากโลกนี้ไป ทั้งที่ยังมีงานที่ตั้งใจจะทำเพื่อพระศาสนาอีกมากมาย ในวันที่ 24 ก.พ.2536 สิริอายุ 74 ปี หากใครสนใจศาสนาพุทธแบบเข้าใจง่าย ละเอียดครบถ้วนทุกแง่มุม ถูกหลักการและเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ทั้งตำราในเชิงลึกและสำหรับผู้สนใจเรื่องโลกหลังความตายแบบสนุกไม่งมงายได้ สาระและได้ประโยชน์ สามารถติดตามงานเขียนที่ทรงคุณค่าของท่านได้ที่ ...
"มูลนิธิอาจารย์พร" สำนักค้นคว้าทางวิญญาณ สามเสนซอย 1 (ใกล้สะพานบางลำภู)
|
CD นี้จัดอยู่ในชุดที่แจกฟรีทั่วโลก ลงชื่อขอได้ที่เมนูด้านซ้าย ขอแล้วรอซักนิด เพราะทำงานคนเดียวเน้อ.