http://www.jozho.net
   
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 19/11/2007
ปรับปรุง 05/10/2024
สถิติผู้เข้าชม14,726,271
Page Views22,839,934
Menu
หน้าแรก
งานบรรยายโดยโจโฉ
เกี่ยวกับ&ที่มา..โจโฉ
ตัวอย่างภาพกิจกรรม
รวมเสียงโจโฉ
สนับสนุนโจโฉ
บทความโดยโจโฉ
ติดต่อโจโฉ
เลือกดาวน์โหลด
แนะนำ
มาใหม่ล่าสุด
บอกเล่าเก้าสิบ
สวดมนต์ สมาธิ
Video ธรรม
ข่าวร้อน
.
 

ร่วมแจ้งผลจากการปฏิบัติตามแนวของหลวงพ่อปราโมทย์

.. ร่วมแจ้งผลจากการปฏิบัติตามแนวของหลวงพ่อปราโมทย์ ..

เรียนเชิญทุกท่าน ที่ฝึกปฏิบัติหรือฟังCDหลวงพ่อปราโมทย์ เขียนแสดงความจริงที่เกิดกับตัวท่านเองหรือคนรอบข้าง ว่าส่งผลดีอย่างไร เพื่อเป็นพยานยืนยันให้โลกได้รับรู้ว่า .. แนวทางนี้ ถูกต้องตรงทางและปรากฎผลดีให้กับหลายคนมากแค่ไหน  ผมเชื่อว่าการยืนยันจากผู้คนจำนวนมาก ที่แสดงให้เห็นว่า คนที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อปราโมทย์ เจริญในธรรมขึ้นอย่างไร มีสติมากขึ้น มีกำลังใจในการเจริญสติมากขึ้น  กิเลสน้อยลง โกรธน้อยลง ทุกข์น้อยลง การเห็นทางพ้นทุกข์ได้ชัดขึ้น และอีกสารพัด ที่น่าจะเป็นตัวอย่างและอาจทำให้ใครหลายคนได้ฉุกคิดขึ้นมาบ้างว่า... แนวทางนี้ผิดจริงหรือไม่ ผลของการภาวนาที่เกิดเป็นความสว่างทางจิตของคนจำนวนมาก ที่กิเลสน้อยลง ศรัทธาพระศาสนา ศรัทธาในพระธรรมมากขึ้น มันเป็นแนวทางที่ไม่สมควรเผยแพร่ หรือปฏิบัติตามจริงดังที่ใครหลายคนกล่าวหาจริงหรือ...

ในบางแห่ง เอาประกาศกล่าวหาหลวงพ่อปราโมทย์ไปเผยแพร่ แต่กลับไม่เคยใส่ใจในคำชี้แจงข้อกล่าวหาที่ทีมวิมุตติได้แถลงการณ์ออกมา ซึ่งตามหลักแล้วถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์ ก็ควรจะเผยแพร่ข้อมูลสองด้านเพื่อให้ปัญญากับคนทั่วไปอย่างแท้จริงด้วย   และท่านเหล่านั้นก็เหมือนจะปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ ไม่เคยสนใจ ไม่เคยพูดถึง ผลดีมากมายที่เกิดกับคนจำนวนมาก ที่เขาต่างยืนยันว่า แนวทางนี้ ทำให้ละวางตัวตน ทุกข์น้อยลง ศรัทธามากขึ้นและทำให้มีตนเป็นที่พึ่งของตนได้อย่างแท้จริง   ลูกศิษย์หลวงพ่อ ล้วนสนใจแต่การภาวนา สนใจแต่ทางดับทุกข์ เท่าที่ผมเจอ ไม่มีเลยซักรายที่มาหาหลวงพ่อเพราะสนใจอภินิหารย์ สนใจของขลัง หรืออยากได้ผมหรือจีวรหลวงพ่อไว้บูชา ไม่สนใจในสิ่งไร้สาระ ไม่ใส่ใจในเรื่องพิธีการเยิ่นเย้อที่ไม่จำเป็นต่อการปฏิบัติ  เข้าหลักธรรม เข้าหลักปฏิบัติเพื่อมุ่งดับทุกข์กันอย่างเดียว  ถามแต่เรื่องทำอย่างไรจะภาวนาได้ดี ทำอย่างไรจะละวางความเป็นตัวตนได้ ต้องการทำทุกอย่างเพื่อดับทุกข์ มาจับหลักภาวนา และส่งผลของการปฏิบัติเท่านั้น


มีคนบางกลุ่มเชื่อจริงๆ ว่าหลวงพ่อผิด โดยที่ไม่ไตร่ตรอง และไม่เคยดูผลการปฏิบัติของเหล่าศิษย์ที่เดินตามเลย บางคนยังเขียนจดหมายมาต่อว่าผม หาว่าผมเชื่อเรื่องนรกสวรรค์หรือเปล่า เผยแพร่ของผิดๆ ระวังจะตกนรก ผมก็ได้แต่ งง นะว่า คนพวกนี้เขาคิดอะไรอยู่ ในเมื่อคำสอนที่นำไปสู่การละวางตัวตน และเห็นชัดๆเลยว่า กิเลสมันน้อยลง ทุกข์น้อยลง จุดมุ่งหมายเป็นไปตรงตามจุดประสงค์ของพระพุทธองค์ เพียงแต่วิธีการ รูปแบบ และการใช้ศัพท์ การอธิบาย อาจจะแตกต่างกับแนวทางอื่น  แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่า การขึ้นเขาเพื่อไปสู่ยอดเขานั้น เราต้องใช้เส้นทางเดียวกันนิครับ   บางท่านยังทำสิ่งที่ไม่สมควร ก็คือ นำพระเถระที่มีชื่อเสียงมากล่าวอ้าง เพื่อโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์  ซึ่งผมคิดว่าไม่เป็นสิ่งที่สมควรเลยสำหรับผู้ทีอ้างตนว่าเป็นผู้ประพฤติธรรม บางทีก็จับหลักปฏิบัติที่หลวงพ่อสอนเฉพาะบุคคล ไปเหมาว่าท่านสอนแบบนี้ เอาแค่บางประโยคไปถามพระเถระว่าท่านสอนถูกหรือผิด 

ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าเล่าไม่หมด ถ้าไม่บอกว่านี่คือการสอนเฉพาะตัว เป็นการแก้อารมณ์ของคนๆนั้น  หยิบไปถามแบบนี้ ท่านก็ต้องบอกว่าผิดซิ  สำคัญคือ จุดประสงค์คนที่นำไปถาม มีเจตนาอย่างไร และรอบคอบจริงหรือไม่ ในความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านั้นไม่ควรกระทำเลยด้วยซ้ำ กับการนำการสอนกรรมฐานเฉพาะตัวของศิษย์สำนักหนึ่งไปถามพระอาจารย์อีกสำนัก  โดยที่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดตลอดสาย 

ทิ้งท้ายด้วยประโยคว่า กิ่งไม้ผุ ที่ชอบมาอ้างกัน  ผมถือว่าเคารพศรัทธาศิษย์ของทั้งสองสาย แล้วผมก็เชื่อว่า ท่านหมายความถึง พวกบูชาเทพ หรือบูชาฆราวาสที่ตอนนี้ออกมากันเยอะ ในเรื่องรู้กรรมเห็นกรรม พวกหมอดูต่างๆ มากกว่า รวมถึงบางแนวทางที่เราเห็นได้ชัดเลยว่า ผิดหลักพระไตรปิฎกชัดเจนอย่างไร  ซึ่งก็น่าแปลก แนวทางที่ผิดกันเต็มๆ เราก็รู้ นักปฏิบัติที่ไหนก็รู้ แต่กลับไม่มีใครกล้ายุ่ง ไม่มีใครกล้าไปโจมตีจริงจังแบบนี้.. แต่กลับมาโจมตีเอาเป็นเอาตาย กับหลวงพ่อ ผู้ซึ่งเปิดแสงสว่างให้คนจำนวนมาก จนเห็นผลเป็นคำยืนยันได้จากคนหลายกลุ่มว่าแนวทางนี้ เป็นไปเพื่อการลดละความยึดมั่นถือมั่นในกายใจนี้ได้แค่ไหน


ดังนั้นเพื่อเป็นประจักษ์พยาน ให้โลกได้รู้ได้เห็น จึงเรียนเชิญ ผู้ที่สนใจและฝึกตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ได้มาลงชื่อ และผลการปฏิบัติในกระทู้นี้นะครับ  เพราะคงเป็นคำตอบได้ดีกว่าคำชี้แจงแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น  เมื่ออาบน้ำแล้วตัวสะอาด ใครเล่าจะมากล่าวหาเราได้ว่า เราสกปรกตัวเหม็น

ผู้ที่เคยลงข้อความไว้ในเวปบอร์ดแล้ว ขอความกรุณาก๊อปมาใส่ในนี้อีกครั้งนะครับ  ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ลงชื่อจริง นามสกุล หรือที่อยู่ด้วยยิ่งดี เพื่อเป็นหลักฐานให้คนเขาเห็นว่า นี่ของจริง ไม่ใช่การสร้างภาพ

อนุโมทนา และ อยากเห็นคนถึงธรรมกันจริงๆ ไม่ใช่ปฏิบัติแล้วเที่ยวกล่าวหาผู้อื่นอย่างไม่มีเหตุผล โจมตีผู้อื่นโดยขาดเมตตาจิต ขาดเหตุและผล และไม่ยอมฟังหรือสนใจในคำชี้แจงของคนที่ถูกกล่าวหา  มันเป็นสิ่งที่สมควรแล้วหรือครับ

กับคำว่า .. ผู้ประพฤติและใฝ่ในธรรม

เจริญในธรรมทุกท่านครับ  
ก.พ. 53 โจโฉ


หมายเหตุ.. กราบขออโหสิกรรม หากข้อความไปล่วงเกินท่านผู้ใด โดยไม่ได้เจตนา ผมเป็นคนพูดตรง รู้อะไร เห็นอะไรก็พูดตรงๆ ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ ดูถูก หรือเหยียดหยัน หรือก้าวล่วงผู้หนึ่งผู้ใด แต่พูดด้วยเจตนาจะรักษาความจริงเท่านั้น  กราบขออภัยถ้าทำให้ท่านขุ่นเคืองหรือไม่สบายใจครับ 


ปล...  5-7 ก.พ. ไม่อยู่นะครับ ไปทำบุญประทายข้าวเปลือกทีวัดป่าบ้านตาด
หลังวันที่ 7 ก.พ.  ค่อยกลับมาเคลียร์เรื่องถวายชุดบวชทีวัดปทุมฯ   อนุโมทนาทุกท่านด้วยครับ

อ้อ เรื่องซีดีที่ขอกันเข้ามามาก รอกันนิดนะครับ  งานเยอะมากมาย
ผมคงทะยอยส่งได้ 1-2 เดือนต่อครั้งนะครับ นี่ก็ดองมาตัง้แต่กลางเดือน ธ.ค.  ใจเย็นๆ เน้อ  ได้ทุกคนแหละครับ

ความคิดเห็น

  1. 101
    yuwaluk
    yuwaluk 13/03/2010 20:28

    ตามหาพระสัทธรรมมาจนท้อ
    เคยเฝ้ารอว่าความดีมีที่ไหน
    บุญเคยสร้างแต่ยังทุกข์ล้นหัวใจ
    ไม่มีใครให้ทางสว่างจริง

    "สองมือประนมก้มกราบกราน
    ปณิธานขอพระธรรมนำดวงจิต
    กี่ภพ กี่ชาติ ที่มีชีวิต
    เดินทางผิดหลงกลเป็นพลมาร"

    บัดนั้น แสงแห่งธรรมส่องสว่าง
    ทางอำพรางกลับปรากฎบทวิถี
    เราเข้าใจในกลลวงบ่วงชีวี
    ขอหลีกหนีเพื่อเป็นไทไปนิพพาน

    พระอาจารย์ท่านเมตตาบอกทางไว้
    ขอเพียงใคร ระลึก รู้ ดูความหมาย
    อย่าประมาท หลงกลจนวันตาย
    น้อมถวาย ปฏิบัติเพื่อบูชา
    ....yuwaluk....


    ปล.ไปงานบุญประทายข้าวมาเหมือนกันค่ะ
    พอกลางเดือน กพ.ไปงานมุทิตาจิตหลวงปู่บุญฤทธิ์ด้วย

    หลวงตา หลวงปู่  พระอาจารย์ ล้วนพระธรรมเดียวกันค่ะ
    "วางกังวลทั้งหมด
      สติ..นิพพาน."



  2. 102
    พระเจษฎา
    พระเจษฎา kuttajitto@hotmail.com 12/03/2010 14:37

    เราก็เป็นพระป่า เป็นพระเถื่อน ไม่มีสังกัดหรือใครคอยคุ้มหัว ปฏิบัติมาแบบคลำทางมาเรื่อยๆ ศึกษาทั้งจากพระไตรปิฎก และหนังสือครุบาอาจารย์ต่างๆมากมายเป็นพันเล่มแล้วนำมาประพฤติปฏิบัติอย่างหนักเกิดความรู้ความเข้าใจขึ้นมาบ้างตามสมควรแก่ธรรม ก็มาเจอหนังสือวิมุติปฏิปทาของท่านอาจารย์เพียงแค่อ่านบทแรกก็ถึงใจทันทีเพราะสภาวะเหมือนกันเกือบทุกอย่างเพียงแต่ของเราปฏิบัติลำบากของท่านสบาย แต่สภาวะที่ประสบในขั้นนามธรรมไม่ต่างกัน เราเลยไม่สงสัยเลยว่าท่านจะรู้จริงหรือรู้ไม่จริง เพราะหนังสือเล่มอื่นๆๆๆๆ ที่เคยศึกษามาไม่เคยมีเขียนอธิบายสภาวะไว้ ไปถามครูบาอาจารย์สายหลวงปู่เทศก์ ท่านก็บอกว่าให้ไปอย่างนั้นแหละ ซึ่งโดยหลักแล้วไม่ต่างจากที่ท่านอาจารย์สอนอยู่เลยคือ รู้ ซึ่งเป็นแก่นกลางของการปฏิบัติไม่ว่าจะมาทางทุกขปฏิปทา หรือสุขปฏิปทา เราก็ขอแสดงความเห็นบ้างเท่านี้แหละ

  3. 103
    ธนกร
    ธนกร 11/03/2010 16:14

    "ความฟุ้งซ้าน กับ ปัญญา คาบเกี่ยวกันแค่นิดเดียว
     ต่างกันที่  ผู้เจริญสติตามรู้ความฟุ้งซ้าน  ส่วนบุคคลทั่วไปไม่ได้ตามรู้" 
         ........ ขอกราบขอบพระคุณ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    ผู้ปลุกจิตของลูกให้ตื่นจากกองกิเลส ที่คลุกกันอยู่นานแสนนาน
    ตอนเริ่มออกมายืนดู กายและจิตทำงานของเขาเองได้บ้างแล้ว
    เกิดมาชาตินี้คงไม่เกิดมาเสียชาติเกิดแล้ว ...
                                                    ธนกร...

  4. 104
    สาวเดือน
    สาวเดือน 09/03/2010 16:07

    คิดสิ่งใด... ในใจอยู่ ให้รู้จัก
    คิดนึกรัก... มักนึกโกรธ เห็นโทษไหม
    คิดนึกชัง... ฝังอุรา เป็นเช่นไร
    คิดหรือไม่... ทำไฉน จะปล่อยวาง
    คิดขึ้นมา... อยู่คราใด ใจยิ่งวุ่น
    คิดหมกมุ่น...จนหัวหมุน ไม่มีสร่าง
    คิดอยู่ได้...ทำไมใจ ไม่ปล่อยวาง
    คิดได้บ้าง... เพื่อละทุกข์ ปลุกจิตใจ

    ตั้งแต่ได้ฟังธรรมะของหลวงพ่อ และตามรู้ตามดูจิต
    ก็ไม่คิดมากเหมือนแต่ก่อน
    เพราะเมื่อคิดก็รู้ว่าคิด เพียงเท่านี้ก็ปล่อยวาง ไม่ปลุงแต่งต่อไป
    ทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน สงบ และอยู่กับปัจจุบัน
    จึงไม่แปลกใจเลยว่า
    เมื่อจิตแพทย์ได้เอาcd ของหลวงพ่อให้คนไข้ฟัง
    พวกเขาเหล่านั้น จึงมีอาการดีขึ้น และมีโอกาสหายเป็นปกติ

  5. 105
    จาตุรนต์
    จาตุรนต์ golf.2517@hotmail.com 09/03/2010 12:58

    ขอเป็นยืนยันเป็นพยานในคำสอนของหลวงพ่อครับ

    ก่อนที่จะได้ฟังหลวงพ่อ ปฏิบัติเองโดยใช้อานาปานสติได้ระยะหนึ่ง แล้วมีการตามรู้กายใจเป็นไปโดยอัตโนมัติ แม้แต่เวลาฝันก็รู้สึกตัว นอกพลิกตัวกี่ครั้งอย่างไรก็รู้หมด เห็นความยินดี ยินร้าย เห็นกิเลสมากมายเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป สติมีกำลังมาก กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ไม่ง่วงไม่เพลีย หน้าตาขาวผ่องใส ผลที่ได้เป็นที่อัศจรรย์ใจ ไม่รู้จะคุยกับใคร บอกกับใคร เพราะปฏิบัติอยุ่คนเดียว ในชีวิตประจำวัน

    แต่เมื่อได้ฟังหลวงพ่อ ก็เกิดปีติขึ้น เป็นดังที่หลวงพ่อท่านได้เทศน์สอนไว้จริง ๆ ขอรับรองว่าการเกิดดับมีจริง เร็วยิ่งกว่าฟ้าแลบ รู้ชัดเจน กขณะที่เกิดดับ เพราะไม่มีอะไรเลยนอกจาก การรู้รูป-นามในแต่ละขณะจิตเมื่อมีการกระทบ  

    ขอให้ผู้ปฏิบัติมั่นใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหลวงพ่อนำมาถ่ายทอด มีสติรู้กายรู้ใจ เพื่อเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาต่อไปนะครับ

    ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ  

  6. 106
    พุดพัดชา
    พุดพัดชา talay84@hotmail.com 08/03/2010 18:02

    เป็นนักอยากจะเขียน.กระวีกระวาด..(ในเวบwww.thaipoem.comค่ะ)
    สองนามปากกา..พุดพัดชา และ สาวบ้านนา

    http://www.thaipoem.com/forever/my_poem.php?mid=4525
    http://www.thaipoem.com/forever/my_poem.php?mid=6042

    อ่านหนังสือ..รจนาสร้อยรักอักษรามามากแล้ว กำลังอ่านจิตตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
    เพราะฟังธรรมหลวงพ่อแล้วราวกับมีแสงสว่างพร่างพราว ณ..กลางใจเลยค่ะ
    เกิดปัญญาฉายชัด ฉาน ประมาณว่าเกิดมาชาตินี้คงไม่ตายเปล่าแล้วค่ะ
    รักธรรมะ ธรรมชาติ เทิดทูนพระพุทธองค์ รักศรัทธาหลวงพ่ออย่างหาที่สุดมิได้ค่ะ
    อธิษฐานจิตตลอดชีวิต จะตามรอยธรรมรอยทองของพระบรมศาสดา
    และขอปฏิบัติบูชาแด่หลวงพ่อ ผู้ก่อเกื้อให้ความสว่างสงบจนกว่าจะพบความหลุดพ้นค่ะ

    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem133298.html

    รจนาศรัทธาซึ้งถึงหลวงพ่อ
    ผู้กอรปก่อปิติบุญกุศลสาย
    ลูกเป็นนักคิดนักเขียนที่เปล่าดาย
    ก่อนจะสายหมายบรรลุสู่โสดา

    เจริญสติภาวนารู้สึกตัว
    จิตสลัวกระจ่างร้างปรารถนา
    เลิกเศร้าหมองครองโศกโลกอัตตา
    เลิกเหว่ว้าพบทางสว่างไป

    ลูกหลับใหลในชีวิตมานานนัก
    หลงในรักภักดิ์ภพอสงไขย
    อธิษฐานบุญบันดาลรู้เป็นไป
    ละกายใจแยกร่างห่างจากกัน

    ยอมรับความจริงสิ่งค้นพบ
    จนเจนจบลืมตาตื่นจากชื่นขวัญ
    แลเห็นทุกข์เวียนว่ายเป็นนิรันดร์
    อยู่กับปัจจุบันไม่ประมาทตัดชาติภพ...

    ...............................

    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem133319.html

    วิหารธรรมตั้งมั่นเลิกฝันเพ้อ
    หลงละเมอหมายใดใจดวงขวัญ
    ระลึกรู้ความจริงสิ่งนิรันดร์
    ดวงตาสวรรค์เมตตาฟ้าเปิดทาง

    เห็นรอยทางรอยทองวางทอทอด
    จักถอนถอดกิเลสโลกย์โศกอ้างว้าง
    อิ่มเอิบกับกุศลบุญรู้ปล่อยวาง
    เลิกเคว้งคว้างร้างไร้ในสายใจ

    กราบหลวงพ่อผู้ก่อเกื้อศรัทธาจิต
    หยาดน้ำทิพย์หยาดน้ำคำพิสุทธิ์ใส
    พระโพธิสัตว์มาโปรดรู้เป็นไป
    สอนสุขใดไหนเล่าหนาวจีรัง

    ดอกวิมุติรอผลิบานหวานชูช่อ
    งามละออจากกอก้านตระการหวัง
    เจริญสติภาวนาทุกเวลาทุกข์ประดัง
    แลเห็นฝั่งพระนิพพานมินานไกล....!

    ..............................................

    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem132716.html

    เต็มโลกหล้าสุขมหัศจรรย์อนันตกาล...!

    ฟังธรรมระร่ำรินในคืนหนาว
    เดือนดวงเศร้าปลอบขวัญวันสิ้นหมอง
    พบโลกใหม่ในสายใจอันเรืองรอง
    ราวพบทองเปล่งประกาย ณ  ภายใน

    อ่านหนังสือมากมายหลายหมื่นเล่ม
    เพียงเติมเต็มเหน็บหนาวเศร้าหวั่นไหว
    ลืมอ่านจิตชีวิตหนึ่งซึ่งเป็นไป
    นานแค่ไหนหลงทางอ้างว้างวัน

    กราบขอบคุณเมตตาฟ้าดินดล
    แรงกุศลปลุกชีพชื่นตื่นจากฝัน
    มีตัวรู้ตามดูใจคงมั่น
    เห็นแปรผันในไตรลักษณ์สลักตรา

    เพียรใน*ทาง*วางทุกข์สู่โสดา
    สิ้นมายาสมมุติปรารถนา
    ไม่มีร่างไร้ใจพันธนา
    เต็มโลกหล้าสุขมหัศจรรย์อนันตกาล...!


    ................................

  7. 107
    ani
    ani 06/03/2010 16:39

    จิตมันฟ้อง มาร้องไห้ ว่าช่วยด้วย
    แสนระทวย ป่วยใจ โหยไห้หา
    กับการเรียน สมถะ วิปัสนา
    ยากนักหนา มัวลุ่มหลง พะวงไป

    ทำสมาธิ หลับตา คอยแต่เพ่ง
    ตัวเราเอง ค้นหาจิต อย่างฝักใฝ่
    เพ่งที่เท้า ที่จมูก ลมหายใจ
    ทั้งเพ่งกาย  เพ่งความคิด จนจิตมึน

    ทั้งสะกด อ้ดกลั้น ความรู้สึก
    คอยตรองตรึก เพ่งเอาไว้ คอยเฝ้าฝืน
    หารู้ไม่ ข่มเอาไว้ ทั้งวันคืน
    ทั้งยามยืน เดินนั่งนอน วอนเพ่งกาย

    เพ่งเพ่งเพ่ง สะกดไว้ อย่าขยับ
    ข้าจะทับ เจ้าเอาไว้ ไม่หนีหน่าย
    ด้วยว่าข้า โง่นักหนา หารู้ไม่
    เพ่งข่มไว้ เหมือนหินทับหญ้า มาแรมปี

    พอกันที ต่อไปนี้ จะเลิกเพ่ง
    เลิกนักเลง ข่มเหงจิต จนคิดหน่าย
    แสนสมเพช สงสาร ทรมานใจ
    หารู้ไม่ ว่าเราคิด ผิดหลายปี

    มัวแต่เพ่ง สมถะ ข่มจิตใจ
    คิดอยู่ได้ วิปัสนา อย่างถ้วนถี่
    หลงตัวไป ได้ว่าเป็น วิปัสนานี้
    ก็กี่ปี ที่ทำไป ในสมถะ

    ต่อไปนี้ จะเปลี่ยนไป ใช้ระลึก
    สติตรึก ตรองมั่น ไม่หวั่นไหว
    ระลึกได้ เมื่อมีเหตุ กระทบใจ
    มีผู้รู้ เอาไว้ ตามคุ้มครอง

    อันผู้รู้ นั้นอยู่ เหนือทุกสิ่ง
    ระลึกยิ่ง ทุกสิ่งอย่าง ตอบสนอง
    วิปัสนา คือปัญญา ดำริตรอง
    คอยปกป้อง เวรกรรม นำถูกทาง

    สมถะ มีเอาไว้ เพื่อพักผ่อน
    สงบก่อน เมื่อจิตฟุ้ง ไม่สว่าง
    สมถะ วิปัสนา ทั้งสองทาง
    รู้จักวาง ทางใช้ ไปนิพพาน...

    ขอน้อมถวายแด่หลวงพ่อปราโมทย์ ผู้ชี้ทางสว่างให้แก่ลูกผู้หลงทางอยู่แสนนาน
    ด้วยความระลึกยิ่งถึงพระคุณอย่างสูงสุด



    ปล.ดิฉันเป็นคนด้อยปัญญาความรู้น้อยอาจแต่งกลอนได้ไม่ดี และมีข้อผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยคะ

  8. 108
    ani
    ani 06/03/2010 14:38

    น้อมกราบกราน นมัสการ ท่านหลวงพ่อ

    จิตจดจ่อ ในคำสอน วอนศึกษา

    ตั้งแต่เรียน สมถะ วิปัสนา

    เป็นเวลา มาหลายปี ที่หลงทาง

    เดชะบุญ มาเกื้อกูล หนุนนำส่ง

    ให้ไม่หลง เหลียวมองเห็น แสงสว่าง

    ท่านหลวงพ่อ มาชี้แนะ แนวหนทาง

    ดำริอ้าง ทางปฏิบัติ วิปัสนา

    ด้วยเมตตา หาใดเปรียบ มาเทียบได้

    หลวงพ่อให้ ใช้สติ ดำริอ้าง

    มีผู้รู้ ดูจิต ไปถูกทาง

    ดูห่างๆ ให้รู้ไว้ ในใจเรา

    มีอะไร ใช้สติ ได้ทันที

    อย่างเร็วรี่ อย่ามัวเผลอ ละเมอเฝ้า

    รู้เอาไว้ ใจเป็นกลาง อย่าเพ่งเอา

    วางใจเรา เห็นไตรลักษณ์ นักปฏิบัติธรรม



    น้อมถวายเป็นอาจาริยบูชา แด่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

  9. 109
    วัสดา
    วัสดา 06/03/2010 10:47

    เคยได้ฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน แต่ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง
    จนกระทั่งได้มีกัลยาณมิตร ส่ง CD ของหลวงพ่อปราโมทย์มาให้ฟัง
    ฟังได้มาประมาณปีกว่า
    ทำให้สามารถเข้าใจคำสอนของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆได้ อย่างเข้าอกเข้าใจ

    ได้ปฏิบัติธรรมมาหลายปี มีแต่กดข่ม กายใจ และหลงตัวเองมาโดยตลอด
    เคยคิดว่าตัวเองดี ที่เป็นนักปฏิบัติธรรม
    ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองหลงทางมาหลายปี
    เป็นนักกดข่ม เพ่งตัวยง 
    คิดว่าตัวเองดี เหมือนนางเอก นางฟ้า แต่พอมีความโกรธขึ้นมา ก็ระเบิดออกมา เหมือนนางมารร้าย

    หลังจากได้ปฏิบัติตาม แนวทางคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์
    ทำให้ชีวิตจิตใจเปลี่ยนแปลง
    ทุกวันนี้เห็นว่าความทุกข์สั้นลง โกรธน้อยลง ความสุขมากขึ้น
    ไม่กดข่มเหมือนแต่ก่อน

    ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อปราโมทย์ และขอปฏิบัติบูชาหลวงพ่อปราโมทย์ ตลอดชีวิต

    หวังว่าวันใดวันหนึ่งคงได้มีโอกาสพาครอบครัวไปกราบแทบเท้าท่านหลวงพ่อ



    ขออนุโมทนาบุญกับคุณโจโฉ ที่ได้ทำwebนี้ขึ้นมา

  10. 110
    นฤมล
    นฤมล 05/03/2010 16:08


    ปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลานานหลายปี ทำสมาธิ (สมถะ) โดยเข้าใจว่าเป็นวิปัสนา (ทั้งกด ทั้งข่ม)
    หลงว่าตัวเองทำถูก(ทั้งๆที่ลึกๆก็ไม่แน่ใจ) แต่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

    เมื่อได้ปฏิบัตติตามแนวทางคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ จากการฟัง cd มาเป็นเวลาประมาณ 1 ปี และอ่านหนังสือที่ท่านเขียน หลายเล่ม
     

    ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างชัดเจน (และจากคำพูดของคนรอบข้าง)

    เห็นกิเลสของตัวเราเองมากขึ้น รัก โลภ โกรธ และบ่อยที่สุดคือเห็นจิต(หลง)ไปคิดบ่อยมากๆ
    จนเข้าใจและเห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเราจริงๆ จากสภาวธรรม ที่เห็นว่าจิตมันคิดของมันเองได้

    และการที่ได้เห็นกิเลสตัวเองมากขึ้น ทำให้โกรธน้อยลง (จากคนที่เคยมีความโกรธรุนแรง และนิสัยไม่ยอมใครง่ายๆ)
    การที่เห็นกิเลสของตัวเอง  ทำให้เห็นใจคนอื่นมากขึ้น และทำให้มีความสุขมากขึ้น ทุกข์น้อยลงจริงๆ
    มีสติในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ลืมกายลืมใจเหมือนที่เคยเป็น
    และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกสมมุติ ด้วยใจที่เป็นกลางมากขึ้น สบายใจ และเห็นทุกข์อยู่ห่างๆ


    รักษาศีลเป็นปกติ โดยไม่รู้สึกว่าบังคับหรือกดข่มตัวเอง

    เชื่อมั่นในมรรคผลนิพพานว่าไม่ไกลเกินเอื้อม (ไม่ต้องรอในชาติต่อๆไป) แต่อย่างน้อย ก็สามารถเป็น โสดาบันได้ ภายในชาตินี้

    รู้สึกว่าเป็นคนหนึ่งที่โชคดีอย่างมหาศาลที่ได้ฟัง cd ของหลวงพ่อ และปฏิบัติตาม และเห็นผลเร็วจริงๆ


    ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อปราโมทย์ ด้วยความทราบซึ้งในพระคุณ และขอถวายตัวเป็นศิษย์

    จากลูกศิษย์ เพียงการฟัง cd คนหนึ่ง



     
    นฤมล เกษียรแก้ว  Fairfield, CT, USA

[Back]   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10 11  12  13  14  15  16  17  18 [Next]

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

 
 หน้าแรก  รวมเสียงโจโฉ  บทความ  ภาพกิจกรรม  สนับสนุนโจโฉ  ติดต่อ
view