.. ร่วมแจ้งผลจากการปฏิบัติตามแนวของหลวงพ่อปราโมทย์ ..
เรียนเชิญทุกท่าน ที่ฝึกปฏิบัติหรือฟังCDหลวงพ่อปราโมทย์ เขียนแสดงความจริงที่เกิดกับตัวท่านเองหรือคนรอบข้าง ว่าส่งผลดีอย่างไร เพื่อเป็นพยานยืนยันให้โลกได้รับรู้ว่า .. แนวทางนี้ ถูกต้องตรงทางและปรากฎผลดีให้กับหลายคนมากแค่ไหน ผมเชื่อว่าการยืนยันจากผู้คนจำนวนมาก ที่แสดงให้เห็นว่า คนที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อปราโมทย์ เจริญในธรรมขึ้นอย่างไร มีสติมากขึ้น มีกำลังใจในการเจริญสติมากขึ้น กิเลสน้อยลง โกรธน้อยลง ทุกข์น้อยลง การเห็นทางพ้นทุกข์ได้ชัดขึ้น และอีกสารพัด ที่น่าจะเป็นตัวอย่างและอาจทำให้ใครหลายคนได้ฉุกคิดขึ้นมาบ้างว่า... แนวทางนี้ผิดจริงหรือไม่ ผลของการภาวนาที่เกิดเป็นความสว่างทางจิตของคนจำนวนมาก ที่กิเลสน้อยลง ศรัทธาพระศาสนา ศรัทธาในพระธรรมมากขึ้น มันเป็นแนวทางที่ไม่สมควรเผยแพร่ หรือปฏิบัติตามจริงดังที่ใครหลายคนกล่าวหาจริงหรือ...
ในบางแห่ง เอาประกาศกล่าวหาหลวงพ่อปราโมทย์ไปเผยแพร่ แต่กลับไม่เคยใส่ใจในคำชี้แจงข้อกล่าวหาที่ทีมวิมุตติได้แถลงการณ์ออกมา ซึ่งตามหลักแล้วถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์ ก็ควรจะเผยแพร่ข้อมูลสองด้านเพื่อให้ปัญญากับคนทั่วไปอย่างแท้จริงด้วย และท่านเหล่านั้นก็เหมือนจะปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ ไม่เคยสนใจ ไม่เคยพูดถึง ผลดีมากมายที่เกิดกับคนจำนวนมาก ที่เขาต่างยืนยันว่า แนวทางนี้ ทำให้ละวางตัวตน ทุกข์น้อยลง ศรัทธามากขึ้นและทำให้มีตนเป็นที่พึ่งของตนได้อย่างแท้จริง ลูกศิษย์หลวงพ่อ ล้วนสนใจแต่การภาวนา สนใจแต่ทางดับทุกข์ เท่าที่ผมเจอ ไม่มีเลยซักรายที่มาหาหลวงพ่อเพราะสนใจอภินิหารย์ สนใจของขลัง หรืออยากได้ผมหรือจีวรหลวงพ่อไว้บูชา ไม่สนใจในสิ่งไร้สาระ ไม่ใส่ใจในเรื่องพิธีการเยิ่นเย้อที่ไม่จำเป็นต่อการปฏิบัติ เข้าหลักธรรม เข้าหลักปฏิบัติเพื่อมุ่งดับทุกข์กันอย่างเดียว ถามแต่เรื่องทำอย่างไรจะภาวนาได้ดี ทำอย่างไรจะละวางความเป็นตัวตนได้ ต้องการทำทุกอย่างเพื่อดับทุกข์ มาจับหลักภาวนา และส่งผลของการปฏิบัติเท่านั้น
มีคนบางกลุ่มเชื่อจริงๆ ว่าหลวงพ่อผิด โดยที่ไม่ไตร่ตรอง และไม่เคยดูผลการปฏิบัติของเหล่าศิษย์ที่เดินตามเลย บางคนยังเขียนจดหมายมาต่อว่าผม หาว่าผมเชื่อเรื่องนรกสวรรค์หรือเปล่า เผยแพร่ของผิดๆ ระวังจะตกนรก ผมก็ได้แต่ งง นะว่า คนพวกนี้เขาคิดอะไรอยู่ ในเมื่อคำสอนที่นำไปสู่การละวางตัวตน และเห็นชัดๆเลยว่า กิเลสมันน้อยลง ทุกข์น้อยลง จุดมุ่งหมายเป็นไปตรงตามจุดประสงค์ของพระพุทธองค์ เพียงแต่วิธีการ รูปแบบ และการใช้ศัพท์ การอธิบาย อาจจะแตกต่างกับแนวทางอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่า การขึ้นเขาเพื่อไปสู่ยอดเขานั้น เราต้องใช้เส้นทางเดียวกันนิครับ บางท่านยังทำสิ่งที่ไม่สมควร ก็คือ นำพระเถระที่มีชื่อเสียงมากล่าวอ้าง เพื่อโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งผมคิดว่าไม่เป็นสิ่งที่สมควรเลยสำหรับผู้ทีอ้างตนว่าเป็นผู้ประพฤติธรรม บางทีก็จับหลักปฏิบัติที่หลวงพ่อสอนเฉพาะบุคคล ไปเหมาว่าท่านสอนแบบนี้ เอาแค่บางประโยคไปถามพระเถระว่าท่านสอนถูกหรือผิด
ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าเล่าไม่หมด ถ้าไม่บอกว่านี่คือการสอนเฉพาะตัว เป็นการแก้อารมณ์ของคนๆนั้น หยิบไปถามแบบนี้ ท่านก็ต้องบอกว่าผิดซิ สำคัญคือ จุดประสงค์คนที่นำไปถาม มีเจตนาอย่างไร และรอบคอบจริงหรือไม่ ในความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านั้นไม่ควรกระทำเลยด้วยซ้ำ กับการนำการสอนกรรมฐานเฉพาะตัวของศิษย์สำนักหนึ่งไปถามพระอาจารย์อีกสำนัก โดยที่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดตลอดสาย
ทิ้งท้ายด้วยประโยคว่า กิ่งไม้ผุ ที่ชอบมาอ้างกัน ผมถือว่าเคารพศรัทธาศิษย์ของทั้งสองสาย แล้วผมก็เชื่อว่า ท่านหมายความถึง พวกบูชาเทพ หรือบูชาฆราวาสที่ตอนนี้ออกมากันเยอะ ในเรื่องรู้กรรมเห็นกรรม พวกหมอดูต่างๆ มากกว่า รวมถึงบางแนวทางที่เราเห็นได้ชัดเลยว่า ผิดหลักพระไตรปิฎกชัดเจนอย่างไร ซึ่งก็น่าแปลก แนวทางที่ผิดกันเต็มๆ เราก็รู้ นักปฏิบัติที่ไหนก็รู้ แต่กลับไม่มีใครกล้ายุ่ง ไม่มีใครกล้าไปโจมตีจริงจังแบบนี้.. แต่กลับมาโจมตีเอาเป็นเอาตาย กับหลวงพ่อ ผู้ซึ่งเปิดแสงสว่างให้คนจำนวนมาก จนเห็นผลเป็นคำยืนยันได้จากคนหลายกลุ่มว่าแนวทางนี้ เป็นไปเพื่อการลดละความยึดมั่นถือมั่นในกายใจนี้ได้แค่ไหน
ดังนั้นเพื่อเป็นประจักษ์พยาน ให้โลกได้รู้ได้เห็น จึงเรียนเชิญ ผู้ที่สนใจและฝึกตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ได้มาลงชื่อ และผลการปฏิบัติในกระทู้นี้นะครับ เพราะคงเป็นคำตอบได้ดีกว่าคำชี้แจงแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เมื่ออาบน้ำแล้วตัวสะอาด ใครเล่าจะมากล่าวหาเราได้ว่า เราสกปรกตัวเหม็น
ผู้ที่เคยลงข้อความไว้ในเวปบอร์ดแล้ว ขอความกรุณาก๊อปมาใส่ในนี้อีกครั้งนะครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ลงชื่อจริง นามสกุล หรือที่อยู่ด้วยยิ่งดี เพื่อเป็นหลักฐานให้คนเขาเห็นว่า นี่ของจริง ไม่ใช่การสร้างภาพ
อนุโมทนา และ อยากเห็นคนถึงธรรมกันจริงๆ ไม่ใช่ปฏิบัติแล้วเที่ยวกล่าวหาผู้อื่นอย่างไม่มีเหตุผล โจมตีผู้อื่นโดยขาดเมตตาจิต ขาดเหตุและผล และไม่ยอมฟังหรือสนใจในคำชี้แจงของคนที่ถูกกล่าวหา มันเป็นสิ่งที่สมควรแล้วหรือครับ
กับคำว่า .. ผู้ประพฤติและใฝ่ในธรรม
เจริญในธรรมทุกท่านครับ
ก.พ. 53 โจโฉ
หมายเหตุ.. กราบขออโหสิกรรม หากข้อความไปล่วงเกินท่านผู้ใด โดยไม่ได้เจตนา ผมเป็นคนพูดตรง รู้อะไร เห็นอะไรก็พูดตรงๆ ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ ดูถูก หรือเหยียดหยัน หรือก้าวล่วงผู้หนึ่งผู้ใด แต่พูดด้วยเจตนาจะรักษาความจริงเท่านั้น กราบขออภัยถ้าทำให้ท่านขุ่นเคืองหรือไม่สบายใจครับ
ปล... 5-7 ก.พ. ไม่อยู่นะครับ ไปทำบุญประทายข้าวเปลือกทีวัดป่าบ้านตาด
หลังวันที่ 7 ก.พ. ค่อยกลับมาเคลียร์เรื่องถวายชุดบวชทีวัดปทุมฯ อนุโมทนาทุกท่านด้วยครับ
อ้อ เรื่องซีดีที่ขอกันเข้ามามาก รอกันนิดนะครับ งานเยอะมากมาย
ผมคงทะยอยส่งได้ 1-2 เดือนต่อครั้งนะครับ นี่ก็ดองมาตัง้แต่กลางเดือน ธ.ค. ใจเย็นๆ เน้อ ได้ทุกคนแหละครับ
หน้าแรก
บทความ
รวมเสียงโจโฉ
ภาพกิจกรรม
ติดต่อ
เกี่ยวกับ&ที่มา..โจโฉ
ตัวอย่างภาพกิจกรรม
สนับสนุนโจโฉ
บทความโดยโจโฉ
ติดต่อโจโฉ
บทความ
ภาพกิจกรรม
เห็นความเป็นนางมารร้าย..........ของตัวเองทั้งวัน(ตามที่หลวงพ่อปาโมทย์ท่านเทศนา)
ทำให้ไม่แสดงความเป็นนางมารร้าย......ต่อหน้าสาธารณะชนมากนัก (ยังมีอยู่)
เห็นความทุกข์หล่นหายไปต่อหน้าต่อตา
ทุกข์น้อยลงชัดเจน (ทุกข์เป็นบางขณะจิต)
จะพยายามเดินต่อไปค่ะ
รู้แล้วว่าเป้าหมายของการเกิดมาเพื่ออะไร
กราบในความกรุณาของหลวงพ่อค่ะ
อนุโมทนากับคุณโจโฉ
สวัสดีค่ะ คุณโจโฉ
ดิฉันอยู่อเมริกา และฟังเทปธรรมะพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่เวปวิมุตติมาสามเดือนกว่า และเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ไม่สามารถฟังได้ ก็ได้เวปของคุณโจโฉ นี้หล่ะ ทำให้สามารถได้ฟังธรรมะต่อ ก็ต้องขอขอบใจและขออนุโมทนาบุญด้วย และจากผลการปฎิบัติ ก็ทำให้มีสติมากขึ้น และรู้จักการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่ามากขึ้น
อยากบอกคุณโจโฉว่า...เคยฟังเพลง ฟังผลงานของคุณมานานแล้ว ก็ขออนุโมทนาด้วยจริง ๆ กับการเสียสละ นะ
สำหรับเรื่อง หลวงพ่อปราโมทย์ อยากบอกว่า...เคยปฏิบัติธรรมมาหลายปีติดสมถะมาก ๆ ไม่เบิกบาน ไม่รู้จักใจตนเอง ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ แล้วปฏิบัติตาม มาประมาณ 2 ปี ไปส่งการบ้านมา 3 - 4 ครั้ง ปัจจุบันเห็นทุกข์ชัดเจนและมากด้วย แต่ใจมันทุกข์น้อยลงจริง ๆ ไม่จมแช่กับความคิด ไม่ฟุ้งว่านกับความคิด รู้เท่าทันและยอมรับอย่างที่มันเป็นจริง ๆ มีคนถามเหมือนกันว่ากรณีข่าวหลวงพ่อตกลงแล้วคืออย่างไร ดิฉันได้บอกคนถามไปว่า เรื่องข่าวก็ฟังอยู่นะ แต่ไม่สนใจว่าจะเป็นจริงหรือไม่เพราะเราไม่ทราบ แต่ที่ทราบแน่ ๆ คือปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอนแล้วมันทุกข์น้อยลงจริง ๆ มันเบากายเบาใจอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่เอาเรื่องข่างของหลวงพ่อมาคิดมันก็ผิดแล้วละ ดิฉันต้องกราบขอบคุณหลวงพ่อผ่านตัวอักษรจากความรู้สึกในใจจริง ๆ ว่าแม้แต่น้ำเสียงที่มีแต่ความเมตตาอย่างเสมอภาคที่เป็นคำสอนของหลวงพ่อนั้น ลูกชายดิฉันที่อายุ 30 กว่าแล้ว ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นหลวงพ่อ ทุกวันนี้ ดูความรู้สึกของตัวเองได้ สังเกตใจเป็น เคยมากราบหลวงพ่อด้วยกันแล้วด้วยความเคารพและศรัทธา เพราะปฏิบัติตามแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงของใจตนเองว่ามันทุกข์น้อยลงจริง ๆ แม่ลูกพูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง และขอยืนยันว่ายังเคารพและศรัทธาหลวงพ่อไม่เปลี่ยนแปลง และจะเป็นลูกศิษย์ที่ยืนยันความบริสุทธิในคำสอนของหลวงพ่อด้วยการปฏิบัติตามคำสอนเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น...ขอบพระคุณสำหรับน้ำใจ../
ได้ฟัง CD ของหล่วงพ่อมาประมาณ 2-3 เดือน ฟังเกือบตลอดและคอยๆๆ ปฎิบัติตามที่หลวงพ่อสอน ดิฉันยืนยันว่าเหมาะกับคนทำงานอย่างดิฉัน ที่ไม่มีเวลาเร่งรีบตลอดทั้งวัน
และดิฉันได้รู้จักครูบาอาจารย์อีกหลายๆๆ ท่านจากหลวงพ่อ ที่สำคัญหลวงพ่อยกย่ององค์ (พระพุทธเจ้า) ยิ่งสิ่งใดอยู่เสมอ ในการสอนแนะนำหลวงพ่อจะบอกเสมอว่า ให้ปฎิบัติ
ตามจริยนิสัยของตนเอง เพราะแต่ละคนจริตนิสัยก็ไม่เหมือนกัน ดิฉันยังศรัทธาและพร้อมจะศึกษาและปฎิบัติตามแนวทาง ครูบาอาจารย์หลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ
I really have faith in luangphor .I think people who blame luangphor do not know real dhamma
อนุโมทนาครับ สำหรับท่านแรกที่มา ลงเป็นพยานในการปฏิบัติ
จริงๆ แล้วมีคนส่งข้อความ ถึงผมทั้งโดยตรง ทางอีเมล์ สมุดเยี่ยม
และผ่านเวปบอร์ดในหลายๆ กระทู้ เยอะมาก
ผมเลยจัดทำตรงนี้ เพื่อเป็นกระทู้เฉพาะกิจ ต่างหาก
เห็นว่า สมควรมากกว่า
แต่ก็ไม่คิดว่า จะมีใครมาเขียนมากนัก
เพราะนิสัยคนไทย ชอบอยู่นิ่งๆ (มั้ง) 555
ขออนุญาติแจ้งผลการปฏิบัติตามแนวหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยคนนะครับ
ผม สนใจศึกษาธรรมะมาตั้งแต่เด็กแล้ว เมื่อก่อนก็จะคิดเีพียงแค่ว่าการปฏิบัติธรรมคือการนั่งสมาธิ เข้าใจเพียงว่านั่งสมาธิไปวันหนึ่งจะรู้แจ้งขึ้นมา
แต่เวลาทำสมาธิปรากฎว่าจิตไม่เคยมีความสงบเลยฟุ้งซ่านตลอดจนทำให้ท้อใจใน การปฏิบัติธรรมแต่ก็ยังคงพยายามนั่งสมาธิอยู่แม้จะทำไม่ได้ก็ตาม
จนกระทั่งเรียนจบและทำงานมีอยู่วันหนึ่งในขณะเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ก็ไปเจอ ข้อความในอินเตอร์เน็ตของหลวงพ่อปราโมทย์ว่า "ระยะทางยังมีอยู่ กระแสธรรม
ยังไม่ขาดหาย ก่อนที่การเวลาจะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เมื่อนั้นเราจะต้องเดินทางกันอีกแสนไกล" พอได้อ่านข้อความนี้ทำให้ผมมีแรงใจขึ้นมาทันที
และอยากรู้ว่าผู้ที่ทำให้ผมมีแรงใจขึ้นมานี้คือใคร
พอผมได้ทราบว่าคำกล่าวนี้เป็นของหลวงพ่อปราโมทย์ซึ่งเวลานั้นผมเองไม่เคยได้ ยินชื่อท่านมาก่อนเลย ผมจึงสืบค้นข้อมูลของท่านในอินเตอร์เน็ตก็ทราบว่าท่าน
จะมาเทศน์ที่ศาลาลุงชินซึ่งจากบ้านผมสะดวกที่จะไปฟังได้จึงไม่ลังเลที่จะไปฟังใจอาทิตย์นั้น
เมื่่อผมได้ฟังท่านเป็นครั้งแรก รู้ตัวในขณะนั้นทันทีว่าตัวเองตื่นขึ้นมา และเปลี่ยนความเข้าใจของตัวเองในทันทีว่านิพพานเป็นของไกลตัวและเราไม่มีทาง ที่จะไปถึงได้
มีความรู้สึกว่าการปฏิบัติธรรมนั้นทุกคนสามารถทำได้และไม่ยากอย่างที่ คิด หลังจากท่านเทศน์เสร็จผมเริ่มปฏิบัติตามท่านตั้งแต่นั้นมา คอยรู้เวลาจิตหลงไป เวลาที่จิตแอบไปคิด
เวลามี ราคะ โทสะ โมหะ มากระทบจิต ดูจิตควบคู่ไปกับการแบ่งเวลาทำตามรูปแบบทุกวัน เวลาผ่านไปสองเดือนในขณะที่ผมกำลังทำในรูปแบบอยู่ผมเห็นว่ากายนี้ไม่ใช่ตัวเราเป็น
ครั้งแรก ตอนนั้นเห็นร่างกายเป็นเหมือนตัวอะไรสักอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดเห็นกายไม่ใช่ตัวเราแล้วก็ได้เกิดความกลัวเป็นอย่างยิ่งจนลืมที่ หลวงพ่อบอกว่ากลัวก็ให้รู้ว่ากลัวไป แต่ว่าเห็นได้แวบ
เดียวเท่านั้น
ผมตามดูกายดูใจต่อไปเรื่อยๆ ต่อมาในขณะที่กำลังถูสบู่อาบน้ำอยู่ ก็เกิดเห็นว่ากายนี้ไม่ใช่ตัวเราอีกแวบหนึ่ง ซึ่งต่อมาก็เห็นอย่างนี้อีกขณะที่แปรงฟันบ้าง ทำในรูปแบบบ้าง ผมปฏิบัติเรื่อยมา
จนกระทั่งวันหนึ่งนั่งพักผ่อนอยู่จิตก็เกิดไปเห็นการไหลไปของจิตเอง ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะดูเลยจึงทำใ้ห้เข้าใจว่าการปฏิบัติที่ถูกต้องนั้นไม่ต้องทำอะไำร เพียงมีอะไำรเกิดขึ้น
ก็ตามดูไปเรื่อยๆในขณะนั้นผมมีความเบาสบายเป็นอย่างยิ่ง ตามดูไปจนกระทั่งเข้านอน ในคืนนั้นเองผมเกิดตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วจิตก็ไปเห็นลมหายใจเห็นในแง่ที่ว่ามันทำงานเองมันไม่ใช่
ตัวเรา จิตก็เกิดรวมได้เองโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเข้าสมาธิที่ลึกมากซึ่งตั้งแต่เคยทำสมาธิมาไม่เคย เป็นสมาธิได้ลึกขนาดนี้มาก่อน สักพักในสมาธินั้นผมเห็นปรากฎการณ์
บางอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เห็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 3 ขณะ เห็นชัดมาก ที่น่าแปลกก็คือกิเลสต่างๆที่เห็นนั้นไม่สามารถเข้ามากระทบจิตได้เลย เหมือนจิตกับกิเลสที่เกิดขึ้นนั้นมันแยกกันต่างหาก
มันขนานกันไม่สามารถมากระทบจิตเราได้ ขณะนั้นเกิดความเข้าใจบางอย่างขึ้นพอเข้าใจปุ๊ปจิตมันหมุนกับไปดูตัวเอง ทันที จิตกลับไปดูว่าเรามีกิเลสอะไรบ้าง จิตพาดูไปเรื่อยๆสักพักมันก็
สรุปด้วยตัวมันเองว่าจิตยังอยากอยู่กับโลกยังไม่อยากถอดถอนบางอย่าง เหมือนมีอะไรบางอย่างมากเกาะเกี่ยวจิตเอาไว้ไม่หลุดออก จบกระบวนการนี้จิตมันก็ออกจากสภาวะนั้นก็เห็นตัวเรา
นอนอยู่ในขณะนั้นรู้สึกว่าที่นอนอยู่มันไม่ใช่ตัวเราเห็นอยู่อย่างนั้นจน เช้า ผมจึงไปทำงานตามปรกติ หลังจากกระบวนการนี้ผมรู้สึกสบายกายใจเบาไปประมาณ 2 วันได้หลังจากนั้นจนถึงวันนี้
ก็ได้ตามดูกายดูใจเรื่อยมา มีถูกบ้างผิดบ้าง แต่ต่อจากนี้ไม่มีคำว่าท้อสำหรับผมแล้วครับ
(ขออภัยถ้าหากใช้ภาษาและเขียนผิดพลาด แต่เขียนตามที่ผมรู้สึกและเห็นมาครับ)
การปฏิบัติธรรม คืออะไร
ทำไมจะต้อไปที่วัด
หลวงพ่อท่านไม่เคยสอน และไม่ได้แนะนำว่า จะต้องไปปฏิบัติทีวัด
ยกเว้นคนที่พร้อมจริงๆ ภาวนาถึงขั้นจริงๆ หรือเฉพาะบุคคลจริงๆ
การปฏิบัติ เราทำได้ในชีวิตประจำวัน
แต่ถ้าต้องการสถานที่ วัดไหนก็ทำได้ มีที่ว่างอีกเยอะครับ
แล้วทำไม คุณมาเขียนในนี้ ผมไม่เข้าใจอะ
สักพักต้องขออนุญาตลบ เพราะผมเขียนอยู่ว่า
แจ้งผลการปฏิบัติ ไม่ใช่การมาสอบถามปัญหาอะไรทั้งสิ้นครับ
เวปบอร์ดมี ช่องติดต่อโจโฉ มีครับ
แล้วผมไม่ใช่ลูกศิษย์ ไม่ใช่ทีมงาน ไม่ใช่คณะกรรมการ
ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการจัดการของวัด
ผมเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่มุ่งหน้าเผยแพร่ธรรมะที่เห็นว่าดี มีประโยชน์
ถ้าจะถาม ควรไปสอบถามกันเองครับ ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย
คุณโจโฉค๊ะ ดิฉันอยากไปปฎิบัติธรรมที่วัด แต่ไม่สามารถไปได้เนื่องจากมีคนไปเยอะมาก ตอนนี้มีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น อยากทราบว่าตอนนี้มีที่ว่างให้เราเข้าไปปฎิบัติธรรมหรือไม่ค๊ะ