ย้อนวัยอ่อนเยาว์ ด้วยพลังจิตใต้สำนึก!! โดย โจโฉ
"จิตใต้สำนึก" เป็นหัวหน้าใหญ่ในการควบคุมร่างกายทั้งหมด เช่น การสร้างฮอร์โมน การซ่อมแซมตัวเอง การเผาผลาญ ร่างกายมนุษย์สร้างสารสำคัญได้หลายอย่างที่มีผลต่อการควบคุมน้ำหนัก ความแข็งแรงและอ่อนเยาว์ ที่เด่นสุดคือ.. "โกรทฮอร์โมน" แต่เมื่ออายุมากจะผลิตน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้เกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น ผมหงอก ประสิทธิภาพการซ่อมตัวเองลดลง ธรรมชาติออกแบบให้มนุษย์มีอายุขัยระดับหนึ่ง ถึงเวลาต้องแก่และตาย โดยมีข้อมูลผ่าน DNA รุ่นสู่รุ่น เป็นข้อมูลพื้นฐานให้จิตใต้สำนึกได้ใช้ควบคุมการผลิตโกรทฮอร์โมนให้เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ ความคิดความเชื่อฝังใจ อารมณ์และการกระทำที่สะสมจากชาติก่อนและชาตินี้ ยังเป็นปัจจัยเร่งหรือยืดเวลาการลดระดับหลั่งโกรทฮอร์โมนได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น.. เมื่อนึกถึงคนอายุใกล้ 30 ขึ้นไป เราแทบทุกคนจะมีข้อมูลปรากฎลึกในใจโดยอัตโนมัติว่า.. "แก่แล้ว โตแล้ว ผู้ใหญ่แล้ว" อาจมีตามมาอีกลึกๆในใจ เช่น แก่แล้วต้องเหี่ยว ไม่แข็งแรง ฯลฯ เป็นข้อมูลฝังในจิตสะสมมาช้านานอย่างเหนียวแน่น ทุกครั้งที่รู้สึกใหม่จะเท่ากับส่งไปย้ำให้จิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว คนที่ชอบตอกย้ำในใจว่า "ฉันโตแล้ว แก่แล้ว" (ซึ่งอาจทำโดยไม่รู้ตัว) จิตใต้สำนึกจะทำงานตามข้อมูลที่สะสมไว้ เช่น เมื่อรู้สึกแก่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องผลิตฮอร์โมน ไม่ต้องเสริมสร้างอะไรใหม่ เป็นผลให้ร่างกายแก่ก่อนเวลาจริง และเมื่อย้ำคิดแต่ว่า.."ฉันแก่แล้ว" จิตจะเริ่มไม่รับอะไรใหม่ หมดความพยายาม สมองจะฝ่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นเวลาเข้าสัมนาอบรม เขาถีงกระตุ้นให้เชื่อและคิดว่าเรายังเป็นเด็กวัยรุ่น เพราะจิตและสมองจะตื่นตัว ยอมรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ดีขึ้น มีความกระตือรือร้น มีความพยายามสูงขึ้น ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
หลักของพลังจิตคือ "คิดอย่างไร.. ก็ได้หรือเป็นอย่างนั้น" แต้ต้องคิดและเชื่ออย่างสุดหัวใจ จนข้อมูลฝังแน่นระดับลึกในจิตใต้สำนึกด้วย ขณะคลื่นสมองสงบ หรือจิตเป็นสมาธิดิ่งในเรื่องเดียว(ไม่เว้นแม้ตอนทุกข์ใจ) เป็นช่วงที่เราสามารถป้อนข้อมูลให้จิตใต้สำนึกอย่างได้ผล "กุศลจิต" คือภาวะคลื่นสมองสงบ เกิดได้จากคนที่มีปกติ คิดดี พูดดี ทำดี การทำสมาธิ สวดมนต์ การฟังธรรม (ทำให้ความฟุ้งซ่านน้อย กระแสจิตมีพลังเข้มข้น) และการทำอะไร(ทั้งดีและชั่ว)ด้วยใจรักและเพลิดเพลิน ก็อยู่ในภาวะที่เอื้อต่อการส่งข้อมูลถึงจิตใต้สำนึกได้แนบแน่นเช่นกัน ก่อนและหลังหลับเป็นช่วงเวลาทองที่โปรแกรมจิตได้ บางคนฟังธรรมะหรือจินตนาการสิ่งดีเพื่อให้กำลังใจตัวเอง เวลาก่อนหรือหลังหลับ ก็ส่งผลต่อแนวคิดการใช้ชีวิตในอนาคตให้ดีขึ้นอย่างมาก
.
วิธีนี้ยังนำมาใช้โปรแกรมจิตลูกได้เช่นกัน โดยเฉพาะเด็กเล็กจะยิ่งได้ผลมาก เช่น ขณะลูกหลับ เข้าไปนั่งหรือนอนใกล้ แล้วพูดเบาๆ ว่า.. " แม่รักหนูนะ หนูเป็นเด็กดี แข็งแรง ฉลาด ขยัน ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จได้ง่าย เป็นที่รักของทุกคน ไม่โกรธง่าย เราจะมีความสุขด้วยรักและให้อภัยกับทุกคนที่ทำไม่ดีกับเรา" อย่าคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่อง เพราะจิตใต้สำนึกจะรับรู้และบันทึกข้อมูลไว้ทั้งหมด ซึ่งจะมีผลต่อแนวคิดและนิสัยของลูกเราในวันข้างหน้า และอย่าลืมว่า.. การบอกรักย้ำๆ การกอด เป็นยาวิเศษในครอบครัวที่ได้ผลดีที่สุดกว่าการด่าด้วยความโกรธ หรือการลงโทษด้วยความรุนแรง
.
ให้สังเกตว่าการสวดมนต์ก่อนนอนและทั้งวัน ที่ผู้สวดแปลความหมายได้ ก็คือการโปรแกรมจิตนั่นเอง ด้วยการท่องเนื้อหาส่งเสริมความรักและให้อภัย การระลึกคุณศาสดาหรือพระเจ้า เป็นการหล่อเลี้ยงจิตด้วยความคิดที่เป็นกุศล ถือเป็นสมาธิอย่างหนึ่ง เมื่อคลื่นสมองสงบ การโปรแกรมจิตทำได้ง่าย เป็นเหตุให้คนไม่ดีในคราบนักบวช ใช้หาผลประโยชน์ได้ เช่น.. จูงจิตให้เชื่อว่าการฆ่าคนอื่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จะได้ขึ้นสวรรค์ จูงจิตให้ขายบ้านทำบุญให้หมดตัว จูงจิตให้หลง งมงายไปกับสิ่งที่เขาเล่าให้ฟัง ฯลฯ
เรื่องจิตคิดอย่างไรเป็นอย่างนั้น ยกตัวอย่างคนเป็นมะเร็ง หากไม่ไปหาหมอก็ร่าเริงปกติ แต่พอหมอบอกว่า.."คุณเป็นมะเร็งต้องตายภายใน 1 เดือน" จากคนแข็งแรงดีอาจทรุดลงอย่างเร็วในรุ่งขึ้น (บางคนหมอวินิจฉัยผิด ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร ก็ทรุดลงได้เหมือนกัน) ความตกใจสุดขีดกับข่าวโรคร้าย เครียดจัดด้วยกลัวตาย ความห่วงอาลัยทรัพย์สินและคนรัก ข้อมูลฝังจิตว่าเป็นมะเร็งแล้วโอกาสหายยาก ผสมความเชื่อมั่นในแพทย์ จิตเฝ้าครุ่นคิดอยู่เรื่องเดียวว่า.."เราตายแน่ ไม่มีทางรอดแน่" ข้อมูลที่สะเทือนใจหนักส่งหาจิตใต้สำนึกให้เข้าใจว่า.. ร่างกายนี้ต้องตายแน่ๆ จึงมีคำสั่งจากจิตใต้สำนึกไปสู่ระบบในร่างกายว่าไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมหรือผลิตสารสำคัญอะไรให้อีกแล้ว ร่างกายจึงอ่อนแอและส่วนใหญ่ตายไวกว่าที่หมอบอกไว้ซะอีก มีการทดลองเอาน้ำเปล่าฉีดให้นักโทษ หลอกว่าเป็นสารเคมีรุนแรง ปรากฎนักโทษบางคนเจ็บปวดและตาย!!
.
หากเข้าใจเรื่องการโปรแกรมจิตด้วยการส่งข้อมูลที่ดีให้จิตใต้สำนึก เราจะนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน เช่น หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านก็มีบันทึกไว้เรื่องการสะกดจิตใต้สำนึกเพื่อรักษาตัวเอง และที่ผมนำมาใช้จนเห็นผลก็คือ "การสะกดจิตย้อนวัย" หลักคร่าวๆ คือป้อนข้อมูลให้จิตใต้สำนึกว่า.. เธอคือเด็กวัยรุ่นอายุ 16 ที่กำลังเจริญเติบโต การส่งข้อมูลจนจิตใต้สำนึกเชื่อว่าเรายังเป็นเด็กจริง ส่งให้การซ่อมแซม การหลั่งโกรทฮอร์โมนเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราย้อนวัยได้ ซึ่งคงไม่กลับไปเท่าอายุ 16 แต่ถ้าเทียบรุ่นเดียวกันแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าแตกต่างกันมาก (ให้จิตเชื่อจริงว่ายังเป็นเด็กแค่ร่างกาย ไม่ใช่ดัดจริตให้แบ๊วจนแลดูปัญญาอ่อนเกินหนังหน้านะครับ) การย้อนวัยจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรู้จักทำบุญและดูแลด้านอื่นประกอบกัน หลายท่านอาจไม่ทราบว่าผมบรรยายเรื่องความงามและสุขภาพแนวธรรมชาติและจิตบำบัดด้วย สูตรครีมบำรุงกับน้ำผักผิวสวยขาวในไม่กี่เดือน เคล็ดลดน้ำหนักและการดูแลภายในภายนอกแบบประหยัดได้ผลจริง ซึ่งใช้เวลาเขียนเป็นพ๊อกเก็ตบุ๊คถึง 7 ปีแล้ว ( ก็ยังไม่เสร็จซะที ^.^ )
โจโฉ www.jozho.net