"เกี่ยวกับโจโฉ"..(&จิตผู้รู้ตื่น..??)

              หลายคนคงสงสัยว่าผมเป็นใคร และคงแปลกใจที่หน้าตาบุคคลิกแบบนี้เป็นวิทยากรบรรยายธรรม ทำเวปไซด์และผลิตสื่อธรรมะ ซึ่งบางคนอาจได้ยินจากรายการธรรมในวิทยุเป็นประจำ  นอกเหนือจากการเป็นศิลปินเคยมีเพลงติดอันดับในอดีตอย่าง "รอเธอเหงา-ผู้หญิงกลางคืน"       ซึ่งหลายคนอาจเคยฟังแต่ไม่รู้ว่านักร้องเป็นใคร  "โจโฉ"  เป็นชื่อเล่นหนึ่งของผม   ส่วนใหญ่จะเรียกกันแค่..   “โฉ”  

              จากเด็กคริสต์เคร่งศาสนา เติบโตเป็นนักดนตรีเสเพลด้วยสิ่งแวดล้อมพาไป   เคยกินเหล้าวันละกลม     บุหรี่ 3 ซอง ดูดกัญชา ติดการพนัน  ปัญหาชีวิตมากมายทั้งความรัก การเงิน ฯลฯ  สุดท้ายหลุดพ้นได้ด้วยการปฏิบัติธรรมในวิถีพุทธ เมื่อพบทางสว่างก็อยากช่วยผู้อื่น รู้สึกว่าธรรมะสนุกและง่าย แต่ส่วนใหญสอนผิดระดับให้ยากเกินคนมาใหม่จะเข้าใจ พอลองทำก็ได้ผลดีเกินคาด ในที่สุดก็ทุ่มสุดตัว  มีคนถามประจำว่า  ทิ้งทุกอย่างมาทำงานฟรีให้สังคม ทำไปเพื่ออะไร??  ก็ตอบได้แค่ว่า ถ้าคุณปฏิบัติถึงจุดที่จิตมันไม่อยากได้ใคร่ดีทางโลกแล้ว ถ้าไม่บวชก็ต้องทำแบบที่ผมทำนี่แหละ ถ้าจะถามว่าทำไปทำไม  ก็คงไม่ต่างกับถามว่า.. ทำไมควายถึงกินหญ้า เสือถึงกินเนื้อนั่นแหละ!!

              การแนะนำทางลัดและอธิบายธรรมด้วยภาษาง่ายๆ “โจรที่กลับใจ กลับไปสอนโจรพวกเดียวกันได้ง่ายกว่า” เป็นที่มาของการผลิตสื่อธรรมะแนวใหม่ ใส่ดนตรีประกอบให้ฟังง่าย ทันสมัย เนื้อหาเหมาะกับคนทุกวัย (เสียงอ่านหนังสือ เพลงธรรมะ) แจกฟรีไปแล้วหลายแสนแผ่น มียอดดาวน์โหลดหลายล้านครั้ง จากการทำงานคนเดียวทุกขั้นตอน  เมื่อผลงานเริ่มเป็นที่รู้จักประกอบกับบุคคลิกดูทันสมัยแต่สนใจธรรมะจริงจัง  จึงถูกเชิญไปบรรยายในสถานศึกษาและองค์กรทั่วประเทศเป็นประจำ

         สิ่งหนึ่งที่ทำให้สนใจศาสนาก็เพราะได้เจอสิ่งเหนือธรรมชาติมากมาย  พยายามหาคำตอบจากศาสตร์ทางจิตหลายแขนง จนลงเอยและพบคำตอบในพระพุทธศาสนา  เข้าใจดีว่าเรื่องลึกลับไม่ใช่ทางดับทุกข์  แต่ก็ทำให้มีศรัทธาจนยอมสละโอกาสและรายได้ดีๆ มาทำงานฟรีให้สังคมอย่างเต็มตัวหลายปีแล้ว ท่ามกลางอุปสรรคมากมาย  ปกติผมจะให้ความสำคัญหลักธรรมเพื่อการพ้นทุกข์เท่านั้น แต่เรื่องแปลกในชีวิตก็อาจให้แง่คิดหรือเสริมศรัทธาในบางคนได้  จึงขอนำประสบการณ์แปลกที่ผมได้เจอ มาเล่าสลับกับเนื้อหาทางธรรมที่เข้าใจง่ายนะครับ 

              (บทความส่วนใหญ่เขียนลงนิตยสารบันเทิง ผู้อ่านเป็นกลุ่มที่อาจรับธรรมะล้วนไม่ได้  การสอดแทรกประสบการณ์ลึกลับที่เจอมาในเบื้องต้น พร้อมอธิบายเสริมตามหลักธรรมที่ถูกต้องมีเหตุผล  น่าจะเป็นการปูพื้นและทำให้สนใจติดตามได้   ถ้าใครเคยฟังผมบรรยายธรรมก็คงรู้ดีว่า ปกติผมเน้นสิ่งที่พิสูจน์ได้และเน้นเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์เป็นหลักเท่านั้น  แต่การเล่าเรื่องแนวนี้ ยังจำเป็นมากสำหรับคนบางกลุ่ม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักสนใจกันอยู่แล้ว ดูได้จากรายการคนอวดผีที่เรทติ้งดีมาก  แต่คงดีกว่า ถ้าจะพูดคุยเรื่องแนวนี้ด้วยหลักเหตุผลและก่อให้เกิดประโยชน์ได้จริง ไม่ใช่รับรู้แบบงมงายและเชื่อถือกันแบบผิดๆ  

              สำหรับท่านที่ไม่ชอบ ไม่เชื่อเรื่องแนวนี้ ก็อยากให้ลองอ่านเล่นๆ คิดว่าฟังนิทานก็ได้ คนฉลาดจะไม่ด่วนปฏิเสธอะไรหากไม่ศึกษาหรือพิสูจน์จนเข้าใจถ่องแท้ และไม่มีสิ่งใดที่จะไม่มีข้อดีอยู่ในตัวเลย ซึ่งคนฉลาดจริงจะเลือกคัดกรองเอาสิ่งดีออกมาใช้ประโยชน์ได้เสมอ หากเปิดใจอ่านให้ครบทุกตอน       ก็อาจจะเข้าใจเจตนาของผู้เขียนได้ดีขึ้น และเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ไปใช้ในชีวิต หรือเป็นแง่มุมในการแนะนำคนอื่นที่ยังเชื่อแบบงมงายอยู่ให้เข้าใจแบบถูกทางขึ้นไม่มากก็น้อย)

              ย้อนไปตอนเริ่มต้นชีวิต จำได้ว่าความรู้สึกแรกที่ลืมตาขึ้นมาแล้วนึกไม่ออกว่าเราเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พอนึกจะขยับตัว  เอ๊ะ..ทำไมขยับไม่ได้หว่า  เหลือบมองดูตัวเอง  อ้าวตายฮา!! ทำไมเหลือตัวแค่นี้  ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเราเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแต่ขยับตัวไม่ได้  พอนึกจะพูดว่า.. ใครก็ได้ช่วยเอาออกไปจากที่นี่ที  ก็ต้องตกใจรอบสองเพราะคำที่อยากพูด  มันดันออกมาเป็น “อุแว๊ อุแว๊”  สับสนมากว่าทำไมพูดไม่ได้  สักพักก็เห็นเด็กสองคนวิ่งมาอุ้มผมออกจากเปล  ซึ่งพวกเธอก็คือพี่สาวผมเอง     เรื่องนี้ติดอยู่ในความทรงจำชัดเจนมาก  และต่อมายังเกิดเรื่อยๆ จะเห็นเด็กคนนี้ทำอะไร โดยที่เหมือนผมเป็นอีกคนซ้อนอยู่ข้างใน    เคยเห็นร่างกายเราเองคุยกับแม่ โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นตัวเองพูดเลย  เหมือนดูหนังที่เห็นคนอื่นคุยกัน  เมื่อภายหลังได้ศึกษาการเจริญสติจึงเข้าใจว่า น่าจะ..จิตผู้รู้ตื่น (เห็นจิตและกาย ทำงานต่างหากชัดเจน) 

              ชีวิตผมยังเจออะไรอีกมาก ทั้งผีเขย่ากล่อง  งูมีหนวดเลื้อยมาขู่หน้าเกือบชนหน้า  วิญญาณออกจากร่าง จะฆ่าตัวตายก็มีชายนุ่งขาวปรากฎห้ามไว้   เจอมาเยอะแต่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อนะ เพราะที่บ้านเป็นคริสต์ทั้งตระกูล ไม่มีความเชื่อเดิมมาก่อน พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ก่อนทุกครั้ง  แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ เป็นเหตุให้มาสนใจพุทธ ที่ปฏิบัติถึงจุดหนึ่งกลับทำให้เข้าใจวิทยาศาสตร์และคำสอนของศาสนาอื่นจนเห็นความดีงามแต่ละศาสนาที่เหมาะกับผู้คนแตกต่างกัน จิตจึงปล่อยวางไม่แบ่งแยก เห็นความจริงของธรรมชาติชัดเจน ด้วยประสบการณ์ตรงและการปฏิบัติค้นคว้าด้วยตนเอง ทำให้เข้าใจในแง่วิทยาศาสตร์ทางจิตระดับที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นตามได้ไม่ยากว่า.. ความดีชั่วก่อให้เกิดคลื่นพลังงาน สัมพันธ์กับศักยภาพของมนุษย์ มีผลต่ออาชีพการงานและชีวิตทุกด้านได้จริง   บาปบุญมีจริง กฎแห่งกรรมมีจริง ฯลฯ  ซึ่งจะทยอยนำมาให้อ่านสลับกับเรื่องเหนือสัมผัสปกติของมนุษย์ในโอกาสต่อไป

โจโฉ www.jozho.net