ผีและเทวดามีจริงหรือ? โดย โจโฉ
เรื่องที่คนทั่วโลกสงสัยและพยายามพิสูจน์ตลอดมา การเจอผีหรือถูกผีเข้าสิง มีเรื่องเล่าทั้งในประเทศและจากนิตยสารต่างชาติมากมาย (อ่านได้จากงานแปลของมูลนิธิพร รัตนสุวรรณ) ในยุโรปและอเมริกามีการศึกษาเรื่องพลังจิตและโลกต่างมิติอย่างจริงจัง แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้ชัด ยกเว้นกรณี ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน ที่พิสูจน์การกลับชาติมาเกิดจากทั่วโลกจนยอมรับว่ามีจริง ข่าวหน้าหนึ่งหลายครั้งที่ผีมาเข้าฝันบอกที่ซ่อนวัตถุโบราณหรือศพแล้วก็พบจริง ใครไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่เชื่อ บางคนไม่เชื่อแต่ดันกลัวผีซะงั้น!! หลายอย่างแม้เราไม่ยอมรับ แต่จิตใต้สำนึกมีข้อมูลเดิมอยู่ จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกกลัวโดยไม่ทราบสาเหตุ วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังไม่ถึงที่สิ้นสุด อะไรที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มี หลายคนปฏิเสธสุดโต่ง แต่ไม่เคยศึกษาค้นคว้าให้จริงจัง ไม่เคยฝึกสมาธิหรือปฏิบัติธรรมได้ดีพอ ก็กล้าบอกเต็มปากว่า.."ไม่เชื่อ ไม่มีทางเป็นจริง" (นักวิทย์ศาสตร์ที่ดี จะไม่ปฏิเสธอะไรหากไม่ศึกษาค้นคว้าพิสูจน์อย่างจริงจัง)
พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดทุกภพภูมิ จึงประกาศตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ หากไม่มีภพภูมิ จะบำเพ็ญบารมีไปทำไม จะมุ่งนิพพานเพื่อตัดภพชาติทำไม?? นรก สวรรค์ ผี เทวดา ไม่ใช่สิ่งสมมุติมาหลอกให้ทำดี แต่เป็นความจริงของธรรมชาติ ผู้ไม่เชื่อว่ามีจริงถือเป็นมิจฉาทิฐิ ชีวิตแต่ละภพเหมือนคลื่นความถี่ต่างระดับกัน สมมุติจิตผีอยู่ในคลื่น 107.5 แต่จิตคนอยู่คลื่น 99.0 จะเจอกันได้ ต้องจูนคลื่นให้มาตรงกันด้วย คนชั่วตายไปอยู่ภพกันดารเหมือนติดคุก คนดีตายเป็นเทวดาเหมือนได้โบนัสไปเที่ยวต่างประเทศ สองกลุ่มนี้ยากที่จะย้อนกลับมาหามนุษย์เพราะจิตจมอยู่ในความสุขหรือทรมานมากจนไม่สนใจเรื่องอื่น มีแค่ไม่กี่จำพวกที่ยังวนเวียนอยู่กับ-มนุษย์ แต่การปรากฎร่างที่ต้องใช้พลังงานสูงและคนที่จะเห็นต้องมีตัวเป็นสื่อหรือมีสมาธิระดับหนึ่ง ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเจอกันยาก ถ้าทำได้ก็แค่พอสัมผัส ได้กลิ่น ปรากฎให้เห็นแว๊บๆ ในบางเวลาหรือในฝันเท่านั้น (คนหลับลึกก็คล้ายคนทำสมาธินั่นเอง)
เรื่องผีเทวดาหากเชื่อแบบถูกต้องจะส่งผลดีให้เข้าใจเรื่องบาปบุญและภัยของวัฎสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) แต่หลายคนกลับเห็นผีและเทวดาเป็นผู้ประทานพรให้ได้ทุกอย่าง โดยไม่รู้ว่ามนุษย์แม้พิการยังทำบุญสร้างบารมีได้มากกว่าผีและเทวดาหลายร้อยเท่า ครูบาอาจารย์สอนไว้ว่า "อย่าไปหวังพึ่งกับสิ่งเหล่านี้เลย แค่บ้านกับอาหารยังหากินเอง สร้างเองไม่ได้ ต้องพึ่งมนุษย์ให้ทำให้ แล้วจะมาช่วยอะไรเราได้" มีแค่เทวดาบางจำพวกเท่านั้นที่พอช่วยได้บ้าง เป็นการส่งเสริมตามฐานบุญของเราเป็นหลัก คล้ายผู้ใหญ่ที่ฝากงานให้ได้ แต่เราก็ต้องทำงานด้านนั้นเป็นด้วย เทวดาที่ช่วยได้จริง ต้องมีบุญมาก ผู้มีบุญมากก็มีอาหารทิพย์ชั้นเลิศสุดวิเศษ จะมาชอบปลักขิก ตุ๊กตาไม้ กินหัวหมู กินเหล้าขาวอย่างนั้นหรือ? ของพวกนี้มันเอาไว้เซ่นผีที่หากินเองไม่ได้เท่านั้น เป็นการสงเคราะห์-ผูกมิตร คล้ายคนรวยก็ควรเผื่อแผ่คนจนบ้าง หากปล่อยให้เขาอดอยาก ไม่นานอาจเป็นโจรมาทำร้ายเรา
การเซ่นผีคือการช่วยเขา แต่บางคนกลับไหว้บูชาขอพรผีเรื่อยไป โดยไม่คิดเลยว่าอาจเป็นแค่ขี้เมา คนค้ายา ถูกรถทับหรือโดนยิงตาย คนโง่ตายไปก็เป็นผีโง่ คนชั่วตายไปก็ยังเป็นผีชั่ว ไม่ใช่ตายแล้วทุกคนจะกลายเป็นสิ่งวิเศษที่ต้องกราบไหว้พึ่งพิงได้ สำหรับการขอเทวดาให้ช่วยไม่ควรบนด้วยของแต่ให้ทำความดีถวายท่าน เทวดาไม่ใช่ขี้ข้ามนุษย์ที่จะมาติดสินบนด้วยของหรืออาหารชั้นต่ำนะครับ ลองเดินไปบอกเศรษฐีสักคนว่า "ช่วยฝากให้ผมทำงานที่นี่หน่อย ถ้าได้จะซื้อหัวหมู ไข่ต้มให้" เขาคงไล่ตะเพิดกลับมา ระดับเศรษฐีเขากินอาหารหรูห้าดาว คงไม่สนหรอกไข่ต้ม นี่แค่คนปกตินะ แล้วลองคิดดูว่าถ้าเป็นเทวดาที่มีอาหารทิพย์สุดวิเศษ ท่านจะต้องการสิ่งเหล่านั้นจริงหรือ? ดังนั้นจึงควรทำความดีสะสมไว้ในตัวให้มาก แล้วสวดมนต์ขอแรงเสริมจากเทวดาจะดีกว่า เปรียบในชีวิตจริง ถ้ามีเด็กขยันเรียน กตัญญู กับอีกคนขี้เกียจ เกเร เราจะอยากส่งเสริมใครมากกว่ากัน
หากเทวดาจะช่วยใคร ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปที่อยากช่วยคนดีก่อนเสมอ และถ้ายิ่งสัญญาหรือมีแนวโน้มว่าจะทำความดีเพิ่มอีกมาก ก็ยิ่งอยากช่วยมากขึ้น ไม่ใช่อยากช่วยเพราะอยากกินหัวหมู อยากได้ตุ๊กตาไม้ อยากได้ปลัดขิก ที่ชอบเอาไปแก้บนกัน หลายคนเอาแต่ไหว้เทพ ไหว้เจ้า บูชาผี แต่ไม่คิดจะไหว้พ่อแม่ ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่หาของดีๆ ให้พ่อแม่กิน แล้วมันจะไปหาความเจริญได้อย่างไร บุญสูงสุดมีให้ทำในบ้าน นี่หละพรที่จะทำให้ได้สมหวังทุกอย่าง กฎแห่งกรรมตายตัว "ทำอะไรกับพ่อแม่ไว้ จะได้สิ่งนั้นกลับคืนเสมอ" บางทีตอนเด็กแค่กลับบ้านช้า ปล่อยพ่อแม่ทุกข์ใจเป็นห่วงเฝ้ารอ ผลคืนสนองให้ต้องรอลูกค้า รอเจ้านาย รอแฟนตัวเองที่โทรไปก็ไม่รับสาย ไปไหนก็ไม่บอก หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่านี่ก็เป็นผลกรรมที่ทำไว้กับบุพการี
ฝากให้ระลึกไว้เสมอว่า ไม่จำเป็นต้องบนขออะไรจากใคร แค่ทำความดีให้มาก(โดยเฉพาะกับพ่อแม่) สวดมนต์ทุกวัน อธิฐานจิตอ้างถึงความดีและศีล(แม้แค่บางข้อ)ที่รักษาได้ ส่งให้เจ้ากรรมนายเวร ขออโหสิกรรมความผิดที่เคยทำแต่อดีต ส่งถวายเหล่าเทวดาให้ร่วมอนุโมทนา อธิฐานขอบุญที่ทำเป็นปัจจัยส่งให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาและแก้ปัญหาชีวิตที่กำลังเผชิญได้โดยง่าย ขอความดีที่ข้าพเจ้าเคยกระทำช่วยส่งผลในเร็ววัน เพื่อผ่อนหนักเป็นเบาและเพื่อเป็นกำลังใจในการทำดียิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ.. ทำแบบนี้ได้ผลแน่นอนกว่ารอจากสิ่งที่มองไม่เห็น ดังพุทธศาสนาสุภาษิตที่ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" (ยังมีวิธีทำดีเพื่อบรรเทากรรมเก่าโดยตรง จะนำเสนอในโอกาสต่อไป)
โจโฉ www.jozho.net