"ผีขี้สงสัย" และผลร้ายของจิตที่ไม่อภัย!! โดย โจโฉ

              ชีวิตประกอบด้วยกายและจิต ทำงานสัมพันธ์กันตลอดเวลา หากร่างกายทำงานผิดพลาด อาจมีผลต่อ ความคิดและอารมณ์ไปด้วย  ความผิดปกติทางจิตอาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น การกินยาและอาหารบางประเภท  การมีสารเคมีในสมองไม่สมดุล  ทำให้หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว กำหนัดแรงจนฆ่าหรือข่มขืนได้ พอได้สติหลายคนร้องไห้เสียใจกับความผิดของตน ที่ไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงทำอะไรได้แบบนั้น ??  หลายคนอาจเคยรู้สึกมาบ้างว่า.. บางทีอยากนอกใจแฟนหรือมีอารมณ์เพศแบบแปลกๆขึ้นมาซะงั้น  บางครั้งหงุดหงิดและโกรธมากในเรื่องเล็กน้อยแบบไม่น่าเป็นไปได้และไม่เคยเป็นมาก่อน  คนที่เราคิดว่าเขาเลว อาจเกิดจากการทำงานผิดพลาดของสมองก็ได้  หากมองว่าเขาเป็นโรค ไม่ต่างกับคนบ้าหรือคนเมา ที่ใช้เหตุผลสั่งสอนไม่พอ ต้องรักษาโรคให้เขาด้วยการจ่ายยา    หรือเสริมปัจจัยการทำงานสมองของเขาให้ดีขึ้นเท่านั้น     ซึ่งงานวิจัยหลายแห่งพบว่า การทำสมาธิ สวดมนต์ ทำบุญ ฟังเพลงบรรเลง มีผลดีต่อคลื่นสมองและเคมีในร่างกาย

              หากมีคนตะโกนด่าโดยเราไม่ได้ทำอะไรเขาก่อน เราจะโกรธมาก แต่ถ้าอีกคนตะโกนว่า.."มันสติไม่ดี อย่าไปยุ่งกับมันเลย" รับรองความโกรธจะหายหรือเบาลงทันที  อ.พร รัตนสุวรรณ สอนว่า.."ถ้าคิดว่าคนที่ทำไม่ดีคือคนป่วย เราจะอภัยได้ง่ายขึ้น" อย่าลืมว่าทุกครั้งที่โกรธเกลียด สมองหลั่งสารพิษ เลือดเสีย ร่างกายเป็นกรด(มะเร็งชอบ) ระบบภายในเสียหาย  การฝึกให้อภัยผู้อื่นก่อน เพื่อไม่ให้ความโกรธทำร้ายตัวเองอีกที  เป็นการแผ่เมตตาให้ตนเองแบบได้ผล  ไม่ใช่เอาแต่สวดอวยพรให้ตัวว่า.. "ขอข้าพเจ้าเป็นสุข ปราศจากทุกข์เถิด" 

              ถ้าปากบอก.. "อภัยแล้ว แต่ขออย่ามาเจอกันอีกเลย"  แบบนี้เขาเรียก..    "แผ่อาฆาต"  ยิ่งไล่อาจยิ่งดูดกลับมาผูกเวรกันอีกหลายชาติ   อาฆาตจองเวร ไม่เคยส่งผลดีไม่ว่าผีหรือคน   พระเทวทัตจองล้างพระพุทธเจ้าหลายชาติด้วยแค้นเรื่องเล็กน้อย        อดเสวยบุญที่เคยทำมากมาย ต้องทนทุกข์กับชีวิตใหม่ที่มีไว้เพื่อตามทำลายล้างเขาอยู่ฝ่ายเดียว ที่สุดบาปหนักเกินแผ่นดินรับไหว ถูกธรณีสูบลงสู่อเวจีมหานรก แต่ยังดีที่สำนึกผิดทันในขณะคางเกยผืนดิน 

              เรื่องผีต่างชาติจากหนังสือแว่วเสียงสวรรค์   ก็ไม่ต่างจากแม่นาคพระโขนง  เป็นความจริงของจิตที่ยึดติด    คนหนึ่งรักแล้วแค้นเพราะเข้าใจผิดตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ จึงกลายเป็นผีตามหลอกหลอนสามีกับภรรยาใหม่  อีกคนรักสามีมาก พยายามรักษาทุกอย่างให้เหมือนเดิม แม้ต้องหลอกลวงหรือสร้างบาปเพิ่มก็ตาม  เรื่องเล่าทุกประเทศมักเหมือนกันที่.. ผีจะทรมานใจแสนสาหัส ไม่เข้าใจว่าความทุกข์เกิดจากใจตนเอง การหลอกแต่ละทีได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง เหมือนจ้องด่าคนอื่นแต่เขาไม่ได้ยิน ที่ตัวเองต้องทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว จนเมื่อเจอผู้มีพลังเมตตาและทำให้เกิดสติคิดได้ จึงหลุดพ้นสู่ภพใหม่ได้เสวยบุญที่ตนเคยทำไว้ซะที

              หากได้อ่านเรื่องความทุกข์ของผีที่ฆ่าตัวตายในตอนก่อน ท่านคงเข้าใจดีว่า ในโลกวิญญาณจิตที่ทุกข์ใจเปรียบเสมือนคนฝันร้ายต่อเนื่องแบบตื่นไม่ได้ มันทรมานแค่ไหน  การเจริญสติ การฟังธรรมในขณะมีชีวิตจำเป็นมาก ที่ช่วยให้ไม่ต้องเป็นผีหลงตาย หรือหลุดภพภูมินั้นง่ายกว่าคนที่ไม่ฟังหรือปฏิบัติธรรมมาก่อน แม้ผมจะคุยเรื่องผีให้ฟังหลายครั้งแต่ให้สังเกตว่า   จะเน้นให้เข้าใจโทษของการเวียนว่ายตายเกิดเป็นหลัก      งานหลักยังเป็นการบรรยายธรรมเน้นวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้เท่านั้นครับ

              หลายปีก่อนผมมีโอกาสรู้จักรุ่นพี่ในชมรมธรรมะแห่งหนึ่ง ผมไปทำบุญที่นี่บ่อยจึงมีโอกาสได้สนทนาธรรมกันประจำ วันหนึ่งพี่เขาเล่าให้ฟังถึงเรื่องแปลกที่ทำให้เขาเชื่อภพชาติแบบสิ้นสงสัย  คือขณะไปวัดแห่งหนึ่ง อยู่ดีๆ มีผู้หญิงชุดขาวมาทักว่า.. "คุณไปทำอะไรใครเขาไว้  นี่เขาตามคุณมาตลอดเลยนะ"  พอบอกรูปพรรณก็พบว่าเป็นคนที่พี่เขารู้จักจริง แถมยังบอกอีกว่า ผีบอกว่า.."เขาไม่ได้เป็นคนขับทำไมถึงบอกตำรวจว่าเขาขับ" จากที่ไม่อยากเชื่อก็ต้องยอมเชื่อเพราะเรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้นอกจากเขากับเพื่อนเท่านั้น !!    

              ย้อนไปสิบปีก่อนพี่เขาขับรถไปประสบอุบัติเหตุแล้วเพื่อนที่นั่งไปด้วยเสียชีวิต ด้วยกลัวความผิดจึงบอกตำรวจว่าเพื่อนเป็นคนขับ  คดีจบแล้วแต่ผีไม่จบด้วย!!  พี่เขารู้สึกผิดและสงสารเพื่อนมาก ที่ต้องกลายมาเป็นผีขี้สงสัย ด้วยใจที่ทรมานเหมือนคนถูกใส่ร้ายและต้องการหาความจริง  ลองคิดดูเถอะว่าทุกข์ใจแค่ไหน หากต้องเดินถามคนที่ไม่ได้ยินเสียงเรามาเป็นสิบปีว่า.."กูไม่ผิด กูไม่ได้ขับ ทำไมมึงต้องบอกว่ากูขับ"

.

         หลังจากเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังไม่นาน พี่เขาก็ประกาศบวชตลอดชีวิตเพื่ออุทิศบุญให้เพื่อนเป็นการไถ่โทษและเห็นชัดว่าการปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่จะนำความสุขแท้มาให้  ท่านไปบวชอยู่บนภูเขาในวัดกันดาร มีโอกาสเจอท่านอีกครั้งในไม่กี่ปีต่อมา ท่านซูบผอมไปมากจากที่เคยอ้วนท้วนสมบูรณ์   "เรื่องผี" มีจริงหรือไม่ต้องศึกษาปฏิบัติให้ถูกต้องและตรงทางเท่านั้น   ของมีจริงจะไม่เชื่ออย่างไร   มันก็มีอยู่จริง    แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ.. หากเลือกที่จะเชื่อแล้วมันมีประโยชน์กับชีวิตหรือไม่มากกว่านะครับ!!

.

              ความเชื่อว่าผีมีจริงแล้วศรัทธาในการทำดี เชื่อมั่นในผลกรรม กลัวภัยการเกิด จึงเป็นสิ่งที่ดี   แต่ถ้าเชื่อแล้ว งมงายไร้เหตุผล เอาแต่กราบไหว้บูชา หวงแต่จะขอพร  หรือกลัวเกรงเห็นผีเทวดาควบคุมชีวิตได้   แบบนี้อย่าเชื่อเลยครับ  เสียชาติเกิดเปล่าๆ !!

โจโฉ www.jozho.net